|
ตอนที่ 2 | |
ชั้นสาม | |
ในช่วงห้าสัปดาห์แรกของงานใหม่ เธอพยายามทำความเข้าใจกับลักษณะของงานและผู้คน
แม่รี่เจนรู้สึก ประหลาดใจนิด ๆ ที่ |
|
ตัวเองรู้สึกชอบคนหลายคนบนชั้นสาม ในขณะที่ต้องยอมรับว่าภาพรวมของชั้นสามแย่อย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ เธอสังเกตเห็นคนเก่าที่อยู่มาห้าปีอย่างบ๊อบปล่อยให้โทรศัพท์ดังเจ็ดกริ๊งก่อนเอื้อมมือไปดึงสายออกอย่างจงใจ เธอแอบได้ยินมาร์ธาเล่าวิธีแก้ตัวกับพวกพนักงานแผนกอื่นที่ชอบมาเร่งทวงงานโดยอ้างว่า เธอ ดันเผลอ ไปวางแฟ้มเอกสารไว้ใต้ตะแกรงส่งงาน และทุกครั้งที่แมรี่เจนเดินเข้าไปในห้องพักพนักงาน จะต้องมีใครสักคนฟุบหลับคาโต๊ะในห้องนั้น | |
แทบทุกเช้า กริ่งโทรศัพท์จะดังเป็นเวลาสิบหรือสิบห้านาทีหลังเวลาเปิดทำการเพราะยังไม่มีใครเข้ามาทำงาน
และเมื่อ มีเสียง |
|
ต่อว่าข้อแก้ตัวต่าง ๆ นานาก็จะฟังไม่ขึ้น ทุกอย่างดูล่าช้าไปหมด ที่นี่เป็น ดงผีดิบ อย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ แมรี่เจนงุนงงจนทำอะไรไม่ถูก เธอรู้แต่ว่า จะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง และต้องทำโดยด่วนด้วย | |
เมื่อคืนวาน หลังจากเด็ก ๆ เข้านอนแล้ว เธอพยายามประมวลสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญด้วยการจดใส่สมุดบันทึก |
|
เธอลองอ่านทบทวนดูอีกครั้ง... |
วันศุกร์นี้ บรรยากาศข้างนอกดูหดหู่และหนาวเย็น แต่ภาพภายในที่ทำงาน | ||
ของฉันกลับทำให้คำว่า หดหู่ ' ฟังดูรื่นหูขึ้นเป็นกอง ในนี้ไม่มีพลังอะไรเลย หลายครั้งที่ฉันเกิดความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่าชั้นสามนี่มีคนเป็น ๆ นั่งอยู่ด้วย ถ้าใครสักคนในนี้จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างก็คงเป็นเพราะข่าวงานวันเกิดหรือเลี้ยงแต่งงาน พวกเขาไม่เคยสนุกตื่นเต้นอะไรเลยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาทำงาน | ||
ฉันต้องดูแลพนักงานสามสิบคน ส่วนใหญ่ทำงานเฉื่อยช้า มาสายกลับเร็ว | ||
หลายคนทำงานเซ็ง ๆ ด้วยท่าทีเซ็ง ๆ มาหลายปีจนถึงขีดสุดแห่งความเบื่อหน่าย พวกเขาดูท่าทางเป็นคนดี แต่คงหมดไฟไปนานแล้ว วัฒนธรรมองค์กรของแผนกนี้ช่างมีอานุภาพหนักหน่วงเสียจนคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ๆ ต้องพลอยหมดไฟไปด้วย เวลาเดินผ่านแนวฉากกั้นโต๊ะทำงาน ฉันรู้สึกเหมือนออกซิเจนในอากาศถูกดูดหายไปจนจะหายใจไม่ออก | ||
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันพบว่าพนักงานธุรการสี่คนยังไม่ยอมใช้เครื่อง | ||
คอมพิวเตอร์ซึ่งติดตั้งมาสองปีแล้ว พวกเขาอ้างว่าทำงานแบบเดิมถนัดกว่า สังสัยจัง...นี่ฉันจะต้องเจอกับเรื่องพิลึกเหลือเชื่ออีกกี่เรื่อง | ||
แผนก หลังร้าน ส่วนใหญ่ก็คงแบบนี้ ไม่มีอะไรหวือหวาน่าตื่นเต้น มีแต่ | ||
ตัวเลขมากมายก่ายกองที่ต้องโอนบัญชี แต่ว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างที่เห็นเลยนี่นา ฉันจะต้องหาวิธีทำให้พวกเขาเข้าใจว่าแผนกเราสำคัญขนาดไหน แผนกอื่นจะต้องผ่านเราก่อนถึงจะให้บริการลูกค้าของบริษัทได้ | ||
ถึงเราจะเป็นกลจักรสำคัญในภาพรวมขององค์กร แต่เราก็ทำงานอยู่ หลัง | ||
ฉาก'และมักถูกมองข้าม มันเหมือนกับ เครื่องใน ' ของบริษัท ซึ่งจะไม่ปรากฏบนฟิล์ม เอ็กซเรย์ถ้าไม่เกิดโรคร้ายแรงอย่างที่เป็นอยู่ ใช่..มันเลวร้ายจริง ๆ | ||
เราแต่ละคนไม่ได้เข้ามาอยู่ในแผนกนี้เพราะรักงาน ฉันไม่ใช่คนเดียวที่มา | ||
นั่งอยู่บนชั้นสามเพราะปัญหาการเงินส่วนตัว มีพนักงานหญิงหลายรายกับพนักงานชายอีกหนึ่งที่ต้องรับภาระเลี้ยงลูกโดยลำพัง
แจ็คต้องดูแลพ่อซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะและเพิ่งย้ายมาอยู่กับเขา บอนนี่กับสามีต้องรับเลี้ยงหลานสองคนในบ้าน
เหตุผลใหญ่สามข้อที่ทำให้เราต้องมาอยู่ที่นี่คือ เงินเดือน สวัสดิการ และความมั่นคง |
แมรี่เจนครุ่นคิดถึงข้อประโยคสุดท้ายในบันทึกที่เธอเขียนงาน
หลังฉาก แบบนี้มักหมายถึงตำแหน่งการงานที่ |
|
ถาวรตลอดชีพ เงินเดือนดี มีความมั่นคง เธอกวาดตามองฉาก กั้นและแถวโต๊ะหน้าห้องทำงานของเธอ พลางตั้งคำถามในใจว่า พนักงานของฉันจะรู้หรือไม่ว่า ความมั่นคงที่พวกเขาพอใจอาจเป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้น พวกเขารู้รึเปล่าว่า พลังการตลาดส่วนไหนที่กำลังมีบทบาทเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของภาคธุรกิจนี้ พวกเขาเข้าใจบ้างหรือไม่ว่า เราต้องปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถ ในการแข่งขันในตลาดการบริการด้านเงินทุนหลักทรัพย์ พวกเขาจะรู้บ้างไหมว่า ถ้าไม่ปรับตัว เราแต่ละคนก็จะต้องจบลงด้วยการหางานใหม่ในที่สุด | |
เธอรู้คำตอบทั้งหมดดี ไม่..ไม่..ไม่..และไม่ พนักงานในแผนกของเธอถูกหลอมมาแบบนี้ พวกเขาถูกทอดทิ้งให้อยู่ | |
หลังร้าน มานานเกินไป ได้แต่ทำงานไปวัน ๆ ตามหน้าที่ด้วยความหวังว่า วันเกษียณจะมาถึงก่อนการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แล้วตัวเธอเองล่ะ? เธอคิดต่างจากพวกเขาแค่ไหนเชียว? | |
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดคำนึง ติดตามด้วยหกสิบนาทีที่ต้องชุลมุนกับการทำหน้าที่ |
|
พนักงานดับเพลิง เรื่องแรกคือข่าวร้ายที่แฟ้มของลูกค้ารายสำคัญหายไปอย่างลึกลับ และมีคนอ้างว่าเห็นมันครั้งสุดท้ายที่ชั้นสาม เรื่องต่อมา มีพนักงานแผนกอื่นหมดความอดทนกับการถูกปล่อยให้รอ ค้าง ทางโทรศัพท์ เลยบุกเข้ามาอาละวาดถึงที่ (ดีเหมือนกันที่เกิดเหตุระทึกใจทำลายบรรยากาศอันแสนเซ็ง) แล้วมีอีกรายในแผนกกฎหมายโวยว่าถูกตัดสายโทรศัพท์สามครั้งติด ๆ กัน แล้ววันนี้ก็ถึงกำหนดส่งโครงงานชิ้นสำคัญของพนักงานคนหนึ่งที่ลาป่วย หลังจากดับเพลิงกองสุดท้ายของเข้าวันนี้แล้ว แมรี่เจนก็ลงไปพักเที่ยงโดยเดินลิ่วไปที่ประตูอาคาร | |
หลุมขยะพิษ | |
แมรี่เจนออกไปทานมื้อเที่ยงข้างนอกมาห้าสัปดาห์แล้ว
หลังจากตระหนักว่า วงสนทนาเที่ยงวันในห้องอาหารของ |
|
บริษัทมีแต่เรื่องเดิม ๆ คือความเสื่อมเสียของบริษัทอันเกิดจากความไม่เอาไหนของชั้นสาม มันกลายเป็นวงอภิปรายอันเผ็ดร้อนและแสลงใจเกินกว่าที่จะทนรับฟัง เธอเลยต้องปลีกตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกแบบนี้ | |
ส่วนใหญ่เธอเดินลงเนินไปริมน้ำ ขณะแทะเบเกลไปเรื่อย
ๆ เธอชอบมองพลิ้วน้ำหรือบรรดานักท่องเที่ยวที่กำลัง |
|
เพลินชมสินค้าในร้านเล็ก ๆ บรรยากาศที่นั่นสงบงาม ภาพทิวทัศน์ พิวเจ็ต ซาวนด์ตรงหน้าช่วยให้ได้สัมผัสโลก ธรรมชาติ ละลายความเครียดลงบ้าง | |
แค่เดินผ่านสองคูหาของฉากกั้นโต๊ะ เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานเธอก็ดังขึ้น
สงสัยจะเป็นโรงเลี้ยงเด็ก เช้านี้สเตซี่ |
|
น้ำมูกไหลด้วย เธอวิ่งกลับไปยกหูโทรศัพท์ทันกริ๊งที่สี่พอดี แมรี่เจน รามิเรซ พูดค่ะ เธอรับสายเสียงหอบแฮ่ก | |
แมรี่เจน ผมเอง..บิล |
|
โอย..อะไรอีกล่ะ เธอนึกประหวั่น บิลคือเจ้านายใหม่ที่ทำให้เธอต้องคิดหนักก่อนตัดใจรับตำแหน่งหัวหน้าแผนก |
|
ชั้นสาม หมอนี่ได้สมญาลับหลังในบริษัทว่า ไอ้ชาติหิน
และเท่าที่เธอเจอมาบ้างมันก็สมควรอยู่หรอก เขาชอบบงการ พูดตัดบทเวลาคนอื่นเสนอความเห็นและที่น่ารำคาญมาก
ก็คือชอบใช้วาจาเหยียดข่มเวลาจะถามถึงความคืบหน้าในการงาน แมรี่เจน
คุณนั่งทับโครงการสแตนตันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย? ถามยังกับเธอไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
แมรี่เจนมารับตำแหน่งผู้จัดการเป็นคนที่สามในรอบสองปี ถึงตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พนักงานชั้นสามเท่านั้น
มันอยู่ที่บิลด้วย !
|
|
เช้านี้ฝ่ายนำบริษัทเรียกผมไปเข้าที่ประชุม ผมอยากเจอคุณตอนบ่ายจะได้มั้ย?
|
|
ได้ค่ะ บิล มีปัญหาอะไรเหรอ? | |
ทางฝ่ายบริหารเชื่อว่า เรากำลังจะแย่ และทางรอดก็คือเราทุกคนต้องทำงานให้ดีที่สุด ถ้าใช้พนักงานเก่าสร้างผล | |
งานใหม่ไม่สำเร็จก็คงต้องโละทิ้งแล้วรับใหม่ เราพูดถึงบางแผนกงานที่เป็นตัวถ่วง แผนกที่แรงกายแรงใจร่อยหรอจนปวกเปียกป้อแป้กันไปหมด | |
แมรี่ใจหายวาบ |
|
เจ้านายใหญ่เพิ่งไปสัมมนาเรื่องการสร้างขวัญกำลังใจในที่ทำงาน..อะไรบ๊อง
ๆ เทือกนั้นน่ะ กลับมาก็ฟิตจัด ผม |
|
ว่ามันไม่แฟร์เท่าไหร่ที่เขาชี้นิ่วมาที่ชั้นสาม แต่จะยังไงเขาก็ปักใจเชื่อว่าชั้นสามนี่แหละคือปัญหาใหญ่ที่สุดของบริษัท | |
เขาชี้นิ้วมาที่ชั้นสาม? |
|
ไม่ใช่แค่ชี้นิ้วนะ ยังตั้งชื่อให้ใหม่ด้วย
เขาเรียกชั้นสามว่า หลุมขยะพิษ ' เขาเรียกแผนกของผมยังงี้ได้ไง ! ผมยอม |
|
ไม่ได้ ! มันน่าขายหน้าเหลือเกิน ! | |
หลุมขยะพิษ?
|
|
ใช่ แถมยังจับผมขึ้นตะแลงแกงซักฟอกว่าผมมัวทำอะไรอยู่
ผมบอกว่าเพราะผมรู้น่ะซี ถึงได้เลือกคุณเข้ามาแก้ |
|
ปัญหาไงล่ะ ทีนี้เขาก็จี้ต่อว่า งั้นผมก็น่าจะรายงานความคืบหน้าด้วย นี่ละที่ผมต้องถามว่าคุณแก้ปัญหาได้รึยัง? | |
แก้ปัญหาได้รึยัง? ! เธอเพิ่งมารับงานได้ห้าสัปดาห์เนี่ยนะ
! |
|
ยังค่ะ เธอตอบเสียงเย็นชา |
|
งั้นคุณต้องเร่งมือแล้ว แมรี่เจน
หรือถ้าคุณคิดว่าไม่ไหวก็บอกมาเลย ผมจะได้หาวิธีอื่น เจ้านายเขาเชื่อเหลือเกิน |
|
ว่าเราต้องเพิ่มพลังสร้างกำลังใจ
และผูกพันกับงานให้มากกว่านี ผมเองก็งงว่าทำไมชั้นสามต้องมีกำลังภายในอะไรนั่นด้วย
เราไม่ได้ทำงานสร้างจรวดขีปนาวุธนี่หว่า โดยส่วนตัวผมไม่เคยคาดหวังอะไรมากจากพวกเสมียนหน้าห้อง
แต่แผนกชั้นสามคงโดนเม้าท์แหลกมานานจนเจ้านายนึกว่าถ้าแก้ปัญหาตรงนี้ได้
ทุกอย่างก็จะดีเอง เอาละ..คุณจะมาพบผมกี่โมง? |
|
บ่ายสองดีมั้ยคะ บิล? |
|
บ่ายสองครึ่งแล้วกัน |
|
ได้ค่ะ |
|
บิลคงจับความหวั่นไหวในน้ำเสียงเธอได้
นี่..ไม่ต้องกลุ้มน่ะ แม่รี่เจน ไหน ๆ งานนี้คุณก็เลี่ยงไม่พ้นอยู่แล้ว
|
|
เขา ช่าง พูดจาไม่เอาไหนจริง
ๆ เธอคิดขณะวางหูโทรศัพท์ เออ..ไม่ต้องกลุ้ม ! เขาเป็นเจ้านายสายตรง |
|
ของฉัน และปัญหาก็มีจริงเสียด้วย แต่ว่า..ไอ้ปากตำแยเอ๊ย
|
|
ปัญหาหนัก .. นายยังลอยตัวเหนือปัญหา .. เธอจะทำอย่างไร ? โปรดติดตามตอนต่อไป |