8 ข้อคิดดีๆ จากเทศกาลแห่งความรัก


  วันเวลาเดินทางถึงเดือนกุมภาพันธ์อีกครั้ง เรารับรู้กันว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก มุมมองเรื่องความรักที่น่าสนใจก็คือ เราควรเรียนที่จะรักคนรอบข้างให้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความรักต่อสมาชิกในครอบครัว ต่อเพื่อนๆ ต่อแฟน ต่อคนในโลก ต่อไปนี้เป็นข้อคิดดีๆที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากเทศกาลดีๆนี้

ิู่ 
 1. ความสุขของคนเราอยู่ที่ใจ เงินอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สร้างความสุขให้กับเราได้เสมอไป เพราะการได้อยู่กับครอบครัว อยู่ใกล้ชิดกับคนที่เรารัก เป็นอีกหนึ่งความสุขใจที่เรากำลังแสวงหาอยู่ในขณะนี้ แต่เราไม่รู้ตัว งานวิจัยที่บ่งบอกว่า นิยามความสุขของคนในโลกใบนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากผลการศึกษาของ เฟิร์สต์ ไดเร็กต์ แบงก์ เมื่อเร็วๆนี้ระบุว่าประมาณ 95 % ของผู้ถูกสอบถามซึ่งเป็นผู้ใหญ่บอกว่าสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดก็คือ การใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงมีเพียง 43 % เท่านั้นที่เห็นว่าเงินคือความสุข โฆษกของ เฟิร์สต์ ไดเร็กต์ แบงก์ บอกว่า ผลการศึกษาสะท้อนว่า รูปแบบการทำงานของชาวอังกฤษกำลังเปลี่ยนไป


 2. มุมมองใหม่ “ ความผูกพันอาจมาแทนที่ความรัก ” เมื่อเราแต่งงงานและคบกันไปนานๆ ว่ากันว่าความผูกพันอาจจะขยับเข้ามาแทนที่ความรักได้ อย่างเมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยได้ออกมาบอกว่าคนเราเมื่อแต่งงงานกันไปแล้ว แม้ว่าทุกๆปีจะมีเทศกาลวันวาเลนไทน์ก็ตาม ความรักจะผันแปรกลายเป็นความผูกพันแทน ผลการวิจัยนี้มาจากวารสาร “ เคมีสทรี เวิลด์ ” ที่ตีพิมพ์โดย “ รอยัล โซไชตี้ ออฟ เคมิสทรี ” รายงานอ้างผลการศึกษาของทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในอิตาลีบอกว่า เมื่อคู่รักพัฒนาเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคง ร่างกายของเราจะผลิตฮอร์โมนชนิดใหม่ขึ้นมาทดแทนฮอร์โมนที่เกิดขึ้นตอนที่เราเกิดความรู้สึกรักแรกพบ นักวิจัยบอกด้วยว่า ขณะที่กลุ่มที่คบหากันเป็นแฟนมาเนิ่นนาน โมเลกุลแห่งความรักจะจางหายไป แม้ความสัมพันธ์จะยังดีอยู่ก็ตาม

  3.เรียนรู้เรื่องความรักผ่านคนรอบตัว เราสามารถมอบความรักให้กับคนในครอบครัว กับเพื่อนร่วมงาน กลุ่มเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย อย่างในกรณีของคนสองคนที่รักกันนั้น ความเข้าใจและเอาใจใส่ต่อกันสำคัญสุด ไมเคิล กรอส นักเคมี-ชีววิทยาและนักเขียนแนววิทยาศาสตร์เคยพูดไว้ว่า ฮอร์โมนแห่งความรักจะหายไปอย่างเร็วที่สุดภายในเวลา 1 ปี หลังจากความสัมพันธ์เริ่มต้นขึ้น และคาดว่าจะถูกแทนที่ด้วย “ ฮอร์โมน ” อีกแบบหนึ่งที่ทำให้คู่รักอยู่ร่วมกันต่อไปนั่นแปลว่า เราไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าหากว่ารู้สึกว่าเหตุใดความรักจึงเริ่มจางหายไปบ้าง (เล็กน้อย)

 4. รักคนรอบข้างให้มากขึ้น ในที่นี้หมายถึงบุคคลทั่วไปที่เราพบปะในแต่ละวัน เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดๆ กับเรา การหงุดหงิดและอารมณ์เสียกับคนรอบข้างทำให้จิตใจของเราขุ่นมัว และไม่มีความสุข เราอาจแสดงความเป็นคนมีน้ำใจกับเพื่อนบ้าน เช่น หากพวกเขาไม่อยู่บ้านและเรามองเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลในบ้านของเขา เราอาจจะบอกให้พวกเขารับรู้ หรือในกรณีที่เราขับรถไปทำงาน เป็นไปได้ว้าเราอาจเผชิญหน้ากับปัญหาที่เกิดขึ้นบนท้องถนนที่เราคาดไม่ถึง ลองยับยั้งชั่งใจก่อนที่เราจะตัดสินใจกดแตรเสียงดั่งลั่น เพราะการทำแบบนี้เราอาจเกิดอารมณ์เสียกับคนรอบข้างที่นั่งรถมาพร้อมกับเราได้ วิเคราะห์ได้ว่าอารมณ์เสียของเราบนท้องถนน ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องไปยังบุคคลที่อยู่ใกล้ตัวเรา ทั้งที่เราตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจก็ตาม


 5. นึกถึงสิ่งดีๆ ผ่านหัวใจ เวลาที่เราอยู่ด้วยกันย่อมจะมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจขึ้นได้บ้าง ตอนที่เรากำลังโกรธ เราอาจเผลอทำให้อะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน เช่น เผลอพูดเสียงดังใส่คนรอบตัว หรือพูดเสียงดังกับคนที่หวังดีกับเรา วิธีการสำคัญที่เราสามารถทำได้คือ การบอกกับตัวเองให้พยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้ เพราะตัวเราเป็นคนที่จะควบคุมอารมณ์ได้ดีที่สุด การนึกถึงสิ่งดีๆ ผ่านหัวใจ ช่วยสร้างความสมดุลทางด้านอารมณ์ในตัวเราเรียกได้ว่าเราจะเกิดการบรรลุนิติภาวะทางอารมณ์


  6.รู้จักการแบ่งปัน เราเรียนรู้เรื่องการแบ่งปันจากเทศกาลวันวาเลนไทน์ เช่น การที่เรามอบของขวัญที่เราทำเองให้กับแฟน เราอาจปรับความคิดเสียใหม่ว่า การที่เรารู้จักให้เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสร้างความสุขได้ ทีของขวัญให้แฟนเรายังให้ได้แล้วทำไมการแบ่งปันของเล็กๆน้อยๆแก่คนรอบข้างเราจะทำไม่ได้ สถานการณ์ที่เห็นได้ชัด เช่น เรารู้จักการแบ่งปันสิ่งของให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หมู่บ้านของเรา สังเกตได้ว่าพวกเขาจะคอยอำนวยความสะดวกเวลาที่เราขับรถกลับบ้าน หรือเป็นหูเป็นตาตอนที่เราไม่อยู่บ้าน

  7.ความรักกับความสุขอยู่ใกล้กัน คิดง่ายๆ ก็คือ ถ้าเรารักเราก็จะเกิดความสุข เพราะฉะนั้นจะรีรออะไรอยู่ ถึงเวลาแห่งการเปิดมุมมองเรื่องนี้แล้ว ความสุขเกิดขึ้นได้เสมอ ขึ้นอยู่กับการเปิดใจของเรา ยกตัวอย่างสถานการณ์ – คู่รักคู่หนึ่งวางแผนว่าจะช่วยกันแต่งบ้านให้รายล้อมด้วยบรรยากาศโรแมนติก นำดอกกุหลาบมาเป็นส่วนหนึ่งในการตกแต่งบนโต๊ะอาหาร ส่วนคู่รักอีกคนหนึ่งกลับมาวางแผนว่า ขอไปสถานที่หรูๆ หน่อยแถมยังจองร้านไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยร้านที่ว่านี้ตกแต่งด้วยบรรยากาศของความรักที่แสนโรแมนติกจริงๆ คำถามที่น่าสนใจก็คือ คู่ไหนจะมีความสุขมากกว่ากัน ขอตอบว่าเป็นไปได้ว่าทั้ง 2 คู่จะมีความสุขเท่าเทียมกัน นั่นเป็นเพราะว่าสถานที่เป็นเพียงส่วนประกอบภายนอกเท่านั้นความรักที่อยู่ในใจต่างหาก จะนำมาซึ่งความสุขในที่สุด

 8. ช่วยสังคม ช่วยเพิ่มความรัก เราอาจถือฤกษ์ดีช่วงเทศกาลแห่งความรักชวนเพื่อนๆ หรือสมาชิกในครอบครัวทำงานเพื่อสังคมบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น การนำอาหารไปเลี้ยงเด็กกำพร้าตามต่างจังหวัดหรือในกรุงเทพฯ รวมไปถึงการบริจาคสิ่งของต่าง แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยผ่านมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ การทำแบบนี้ทำให้เราจิตใจสบาย เมื่อจิตใจสบาย ทำให้เราเริ่มเปิดใจกว้างเรียนรู้ที่จะรักเพื่อนมนุษย์เป็น

 
ไม่จำเป็นที่เราจะคิดทบทวนเรื่องความรัก เฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น ลองเริ่มต้นเปิดใจรักเพื่อนมนุษย์และคนข้างกาย รักพ่อ แม่ รักเพื่อน ความรักช่วยให้บรรยากาศในการทำงาน และการใช้ชีวิตของเราดีขึ้น และความรักอีกนั่นแหละที่ช่วยให้โลกใบนี้สดใสตลอดไป

  ที่มา :หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 7 ก.พ.49