การรวมเยอรมนีตะวันออกเข้ากับเยอรมนีตะวันตกเป็นประเทศเดียวกันเมื่อสิบหกปีก่อน
ทำให้เยอรมนีในปัจจุบันกลายเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคยุโรป มีประชากร 85
ล้านคน และเสริมความแข็งแกร่งให้เยอรมนีเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญของระบบเศรษฐกิจสหภาพยุโรป
( อียู ) ด้วย
ิู่
ความเชี่ยวชาญที่ได้จากประสบการณ์ยาวนานกว่าทศวรรษในการรวมตัวกันของยุโรปตะวันออก
- ตะวันตก ประกอบกับการลงทุนขนานใหญ่ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้บริการด้านการขนส่งโยงใยสานต่อกันอย่างใกล้ชิดภายในสหภาพยุโรป
ทั้งถนนหนทาง รถไฟ ทางน้ำและทางอากาศ เชื่อมโยงถึงกันด้วยระบบที่ทันสมัย
โดยมีเยอรมนีเป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อหรือทางแยก สามารถนำไปสู่ตลาดต่างๆ ที่เป็นเงินเป็นทองในยุโรปตะวันตก
สแกนดิเนเวีย ยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกได้อย่างสะดวกยิ่ง 
เนื่องจากทำเลที่ตั้งของประเทศมีความเหมาะสมทั้งทางด้านภูมิศาสตร์และทางเศรษฐกิจ
กล่าวคือ มีพรมแดนที่ติดต่อห้อมล้อมถึงเก้าประเทศ ( ได้แก่ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์
เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย สาธารณรัฐเช็ก และโปแลนด์
) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตลาดเศรษฐกิจสำคัญ จึงทำให้เยอรมนีเป็นที่ดึงดูดความสนใจ
สำหรับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทุกวันนี้มีบริษัทต่างชาติพากันเข้าไปเปิดดำเนินธุรกิจของตนในเยอรมนีประมาณ
23,000 ราย ในจำนวนนี้มีบริษัทที่อยู่ในอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกรวมอยู่ด้วย เป็นที่ยอมรับกันอย่างชัดแจ้งว่า
เยอรมนีเป็นผู้นำทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีจากการใช้ทรัพยากรให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ในภาคต่างๆ ของ " เศรษฐกิจเก่า " ได้แก่ การผลิตรถยนต์ เครื่องจักรกลและเครื่องมือเครื่องใช้
เคมีภัณฑ์ เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลาสติก และการพลังงาน เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ยังเจริญก้าวหน้าในอีกหลายภาคของ " เศรษฐกิจใหม่ " ได้แก่
เทคโนโลยีด้านสารสนเทศและการสื่อสาร ( ไอซีที ) วิทยาศาสตร์ชีวิต และนาโนเทคโนโลยีด้วย
จนบรรดา ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีตราประทับ " เมด อิน เยอรมนี " เป็นที่ต้องการทุกแห่งในโลก
ถ้าจะถามว่า
ทำไมผู้บริโภคทั่วโลกเมื่อพูดถึงสินค้าทำในเยอรมนีแล้วก็จะนึกถึงความขึ้นชื่ออันเป็นที่ยอมรับของมัน นั่นก็คือ คุณภาพ ประดิษฐกรรมและนวัตกรรมด้านการออกแบบและวิศวกรรม รวมทั้งนึกถึง
ประสิทธิภาพ ผลิตภาพ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันกับสินค้ารายอื่นด้วย ?
คำตอบของคุณสมบัติดังกล่าวเหล่านี้มาจาก การรู้จักคิดสิ่งใหม่ และ การให้การศึกษาอย่างดี
ของเขานั่นเอง กล่าวได้ว่า บรรดามหาวิทยาลัย
สถาบันวิจัย และ วิทยาลัยสอนวิชาเทคนิค
ทั้งหลายต่างอบรมปลูกฝังพื้นฐานความคิดความอ่านให้รู้จักสร้างไอเดียและการคิดทำสิ่งใหม่ๆ
เพื่อผลิตสิ่งของและสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งมีตลาดทั่วโลกรองรับอยู่แล้ว
นอกจากนั้น
เยอรมนียังทุ่มลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง กล่าวได้ว่า เฉพาะงบประมาณรายจ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนานี้
เยอรมนีอยู่ในอันดับสูงกว่าเพื่อน คือเกือบๆ จะสัดส่วนหนึ่งในสามของงบทั้งหมดในประเภทเดียวกันของสหภาพยุโรปโดยรวมเลยทีเดียวละ
ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่มีคุณค่าของประเทศได้แก่ ตัวคนเยอรมันเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรบุคคล
และส่วนประกอบสำคัญ ที่ทำให้ประเทศเป็นหนึ่งในการทำให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐกิจขึ้นในโลก
อนึ่ง ด้วยผลิตภาพที่อยู่ในอัตราสูงอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากพลังด้านแรงงานที่ได้รับการฝึกอบรมและแรงกระตุ้นเป็นอย่างดี
ประกอบกับเครื่องมือเครื่องใช้ในการผลิต อยู่ในสถานภาพทางเทคโนโลยีล่าสุด
เหล่านี้ช่วยลด ต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นในยุโรปได้
!
|