ตอนที่ 7
เช้าวันจันทร์
  เมื่อเข้าไปในลิฟท์ เธอสังเกตเห็นบิลยืนอยู่ข้างหลังพอดี ดีจังไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่ห้องทำงาน
แต่คนเยอะแน่นลิฟท์จนไม่อาจพูดคุยอะไรได้ ดังนั้น เมื่อประตูเปิดออกที่ชั้นสามแมรี่เจนจึงหันไปยื่นถุงกระดาษในมือที่ส่งกลิ่นคาวหึ่งให้บิล “ของฝากสำหรับคุณค่ะบิล เขาเรียกกันว่า ปุ้มปุ้ยปลายิ้ม”และก่อนที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท เธอก็ได้ยินเสียงบิลอุทานลั่น “แมรี่เจน!”
  ไม่กี่วินาทีต่อมา โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอก็ดังขึ้น“ของฝากประหลาดจัง แมรี่เจน”เสียงบิลเหมือน
กำลังยิ้มขำไปด้วย เธอจึงเล่าว่าไปทำอะไรมาเมื่อเช้าวันเสาร์ “อย่าเพิ่งเลิกนะ แมรี่เจน ถึงผมจะยังงง ๆ ว่าตลาดปลามันเกี่ยวข้องอะไรกับเฟิร์สต์ การันตีแต่ถ้าคุณทำให้ผมยิ้มรับวันนี้ได้ละก็ ผมเชื่อว่าคุณต้องมีอะไรดีแน่”
  เมื่อวางหูโทรศัพท์ลง เธอรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า บัดนี้ สภาพความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับบิลได้
ได้เปลี่ยนไปแล้ว สงสัยไม่ค่อยมีใครกล้าลุกขึ้นท้าเขา เธอพยายามคิดหาเหตุผล ถึงมันจะพิลึกไปหน่อยแต่ฉันคิดว่าเขาคงดีใจที่ฉันไม่ยอมตกเป็นลูกไล่ให้เขาข่มขู่
 
ทัศนศึกษา
  ในที่ประชุมเช้าวันจันทร์ทั้งสองผลัด แมรี่เจนเปิดประเด็นเข้าเป้า โดยไม่เสียเวลาอ้อมค้อม
“ฉันรู้สึกประทับใจและสบายใจมากที่พวกคุณได้ช่วยกันคิดหาวิธีเตือนใจกันเองว่า แต่ละวันเรามีสิทธิเลือกท่าทีทัศนคติในการทำงานเมนูทัศนคติประจำวันนั่นเป็นความคิดที่วิเศษมาก และมันก็เป็นที่ฮือฮาไปทั้งตึกแล้วด้วย ในที่สุดเราก็ได้ชื่นใจกับความเห็นแง่บวกซะที ทีนี้ก็ถึงเวลาสำหรับขั้นต่อไปแล้ว มีอะไรอย่างนึงที่ฉันอยากให้ทุกคนได้สัมผัสด้วยตัวเอง จะไปทัศนศึกษากันในช่วงพักเที่ยง กลุ่มแรกนี่ไปวันพุธ อีกกลุ่มจะไปวันพฤหัส ทุกคนจะได้รับแจกถุงอาหารเที่ยง เพราะฉะนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็มีแค่ ตัวคุณเอง”
  “หลายคนคงเคยไปที่นั่นมาแล้ว เราจะไปที่ตลาดปลาซึ่งไม่เหมือนตลาดที่ไหนในโลก เพื่อชม
ความเคลื่อนไหวอันคึกคักมีชีวิตชีวา ที่นั่นมีคนกลุ่มหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาแบบของเราในที่ทำงานของพวกเขาเองได้ ภารกิจของเราคือลองไปดูซิว่า เราจะเข้าใจเคล็ดลับแห่งความสำเร็จของพวกเขาหรือไม่ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเราเองได้อย่างไร”
  “แต่ฉันนัดหมอฟันไว้” “ฉันต้องไปกินมื้อเที่ยงกับเพื่อน” เสียงคัดค้านดังระงม แล้วแมรี่เจน
รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงเข้มของตัวเองดังขึ้นว่า “ทุกคนต้องไป ฉันหวังว่าพวกคุณจะเลื่อนนัดต่าง ๆ ไปวันอื่นได้ เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ! ”
  เที่ยงวันพุธ กลุ่มแรกก็ลงมาพร้อมกันที่ล็อบบี้ิ
แล้วเดินไปตลาดด้วยกัน“ฉันขอแค่ให้พวกคุณตั้งใจสังเกตสิ่งที่คุณกำลังจะได้เห็น
เท่านั้นละ” เธอพูดกลั้วหัวเราะ “แล้วอย่าลืมหยิบโยเกิร์ตออกมาหม่ำด้วยล่ะ
เธอขึ้นไปบนยกพื้นแล้วพยายามจะคว้าปลาที่พวกคุณกำลังโยนกัน แต่ตัวมันลื่นมาก
เธอเลยพลาดทั้งสองครั้ง แต่ถึงไงเธอก็ได้สนุกเต็มที่ ”และวรรคทองของโยคีเบร์ราที่เธอลักจำมาก็ช่วยเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆอีกหนึ่งยก “เฝ้าดู แล้วจะรู้แจ้ง” แหม..ก็มันแค่อารัมภบทเท่านั้นนี่ เธอนึกในใจ
  เมื่อไปถึงที่นั่น ตลาดปลาเนืองแน่นด้วยผู้คนและกลุ่มพนักงานของเธอก็กระจายหายวับไป
การติดตามดูปฏิกิริยาจึงเป็นไปได้ยาก แต่เธอก็ยังมองเห็นบางคนที่เริ่มสนุกเพลิดเพลิน นั่นจอห์นกับสตีฟเข้าไปคุยกับคนขายปลาแล้วเขยิบเข้าไปมุงถึงวงใน “เวลาที่คุณจะเข้าถึงผู้คน คุณต้องมองเขาตรง ๆ เหมือนกับเวลามองเพื่อน รอบตัวคุณมีอะไรวุ่นวายเยอะแยะ แต่คุณก็ยังใส่ใจอยู่กับเขาเท่านั้น” หนุ่มโยนปลาผมแดงตอบคำถามจอห์น
  ได้เรื่องแน่ สำหรับจอห์นและสตีฟ เธอยิ้มย่อง
นี่ละคือแรงกระตุ้น
  วันพฤหัสเป็นรายการทัศนศึกษากลุ่มที่สองซึ่งได้เค้า
ความคิดมาจากกลุ่มที่หนึ่งบ้างแล้ว แทบไม่มีคำถามเลยจากกลุ่มนี้ และพวกเขาสงวนท่าทีรอแสดงปฏิกิริยาต่อเมื่อมีอะไรพิสดารเกิดขึ้นสเตฟานี พนักงานเก่าถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นไปลองตะครุบปลาบินที่หลังเคาน์เตอร์
พอถึงปลาตัวที่สาม สเตฟานีคว้าหมับอย่างแม่นยำ เรียกเสียงปรบมือเป่าปากลั่นตลาด เธอติดเบ็ดของคนขายปลาผู้สร้างสรรค์วันดีให้เธอซะแล้ว
 
ประชุมบ่ายวันศุกร์
  บ่ายวันศุกร์ แมรี่เจนเรียกประชุมพนักงานทีละกลุ่ม “คงดีนะ ถ้าเราได้ทำงานในที่ที่สนุกเท่ากับ
ร้านปลานั่น ว่ามั้ย?” เธอเห็นบางคนพยักหน้ารับ บางคนอมยิ้มทำท่าเหมือนมีปลาบินผ่านหัวใจ และคนที่ยิ้มแป้นที่สุดก็คือ สเตฟานี แต่แล้ว ความจริงก็เคลื่อนเข้ามาจอดป้าย..
  ในที่ประชุมทั้งสองกลุ่ม หลังรอยยิ้มก็เริ่มมีเสียงคัดค้าน “แต่เราไม่ได้ขายปลานี่นา!” มาร์กโพล่งขึ้น
“เราไม่มีอะไรให้โยนเล่น” “แล้วมันก็เป็นงานของผู้ชายด้วย” แอนพูดเสริม “งานที่นี่น่าเบื่อจะตายไป” อีกรายบ่นอุบอิบ และอีกรายเสนอมุขแสบ “งั้นเรามาโยนใบรายการสั่งซื้อกันดีกว่า”
  “ถูกต้องค่ะ ที่นี่ไม่ใช่ตลาดปลา งานที่เราทำก็ไม่เหมือนเขาแต่ฉันถามว่าพวกคุณอยากทำงาน
ในที่ที่คึกคักมีชีวิตชีวาแบบตลาดปลาชื่อก้องกระฉ่อนโลกนั่นมั้ย? ที่ที่คุณต้องเผลอยิ้มบ่อย ๆ ที่ที่คุณมีความรู้สึกดี ๆ กับสิ่งที่คุณทำและวิธีทำของคุณเอง ที่ที่คุณอยากไปทำงานทุกวัน พวกคุณได้แสดงอะไรหลายอย่างให้ฉันเห็นแล้วว่า เราสามารถเลือกทัศนคติของเราเองได้ ทีนี้คุณอยากจะสานต่อมั้ยล่ะ?”
  สเตฟานีตอบทันควัน “ฉันชอบผู้คนที่นั่น พวกเขายอดมาก แต่ฉันเกลียดการมาทำงานที่นี่มันอึดอัด
จนฉันหายใจแทบไม่ออก วังเวงยังกับป่าช้า และฉันขอสารภาพตรงนี้เลยว่า ฉันกำลังมองหางานใหม่อยู่ แต่ถ้าเราพอมีทางทำที่นี่ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง มันก็น่าจะเป็นที่ทำงานที่น่าพอใจ และฉันก็จะอยู่ต่อด้วย”
  “ขอบคุณที่กล้าพูดอย่างเปิดอก สเตฟานี”
  “ฉันอยากทำให้ที่นี่สนุกขึ้นแล้วละ” สเตฟานีปิดท้าย
  “ว่าไง แรนดี้?”
  “แมรี่เจน วันก่อนคุณพูดเรื่องปัญหาส่วนตัวของคุณ ผมไม่เคยเห็นหัวหน้าคนไหนในที่ทำงาน
ทำแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ผมต้องกลับไปคิดด้วย ผมต้องเลี้ยงลูกชายคนเดียวมาโดยลำพัง ผมต้องการงานที่นี่ และสวัสดิการต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับงาน ผมไม่อยากก่อปัญหา แต่ก็ยอมรับว่า บางทีผมก็ระบายอารมณ์เครียดของตัวเองใส่พนักงานแผนกอื่น ก็พวกเขาได้งานสบาย ๆ ในขณะที่ผมต้องมาจมปลักอยู่ในรูนี่ แต่คุณทำให้ผมเข้าใจซะทีว่า ที่นี่กลายเป็นขุมนรกก็เพราะกิริยาท่าทีของเราเองนั่นละ เอาละ..ถ้าเราทำให้มันเป็นนรกได้ เราก็น่าจะทำให้มันเป็นอย่างอื่นได้เหมือนกัน แค่คิดเรื่องนี้ผมก็ปิ๊งแล้ว ถ้าผมรู้จักสนุกและมีความสุขกับที่ ผมก็น่าจะทำอย่างเดียวกันกับชีวิตส่วนอื่น ๆ ของผมได้”
  “ขอบคุณค่ะ แรนดี้” เธอหันไปมองด้วยสายตาซาบซึ้ง แล้วเสริมว่า “ฉันเห็นคนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
และฉันรู้ว่าวันนี้คุณได้พูดเรื่องสำคัญขนาดไหน คำพูดของคุณโดนใจฉันและทุกคนในห้องนี้ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยสมทบข้อคิดเห็น งั้นเราก็มาช่วยกันปรับปรุงที่ทำงาน ทำให้ทุกคนเต็มอกเต็มใจมาทำงานจริง ๆ ซะที ดีมั้ยคะ?”
  “วันจันทร์เราจะเริ่มใช้ปรัชญาปลายิ้มกับแผนกงานชั้นสาม และวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ฉันอยากให้ทุกคน
นึกทบทวนประสบการณ์ของตัวเองในตลาดปลา แล้วเขียนแง่คิดหรือคำถามของตัวเองออกมา ในที่ประชุมคราวหน้า เราจะมาอภิปรายกันว่าจะก้าวต่อไปยังไงดี ลองให้สิ่งที่คุณเห็นในตลาดปลาช่วยกระตุ้นความคิดของคุณดูนะคะ”
  เจ้าของมุขแสบขอซ่าส์อีกครั้ง “ถ้าโยนใบสั่งซื้อเล่นไม่ได้ เราก็ใช้เศษกระดาษในเครื่องสับเอกสารปาแทน
สายรุ้งได้นะ” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น พวกเขารู้สึกพอใจ เธอคิด
  แมรี่เจนแจกจ่ายสำเนาเอกสารบทบันทึกประสบการณ์จากตลาดปลาของเธอ แล้ว
อธิบายให้ทุกคนเข้าใจข้อสังเกตต่าง ๆ ของเธอ จากนั้นก็ปลุกระดมให้พวกเขาพยายามนึกว่า ตอนนั้นตัวเองเกิดความคิดอะไรขึ้นมาบ้าง เพื่อจะได้เรียบเรียงออกมาเป็นข้อเขียน
  หลังจบการประชุมกลุ่มที่สอง แมรี่เจนกลับไปนั่งเหนื่อยลิ้นห้อยอยู่ในห้องทำงาน
ฉันให้การบ้านแล้ว แต่พวกเขาจะทำมั้ยเนี่ย?
  เธอไม่มีทางล่วงรู้เลยว่าพนักงานหลายคนกลับไปที่ตลาดปลาอีกในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นเองบางราย
ถึงกับหอบลูกจูงหลานหรือพาเพื่อนฝูงไปด้วย
 

เค้าโครงความคิดของแมรี่เจน

  เลือกทัศนคติ – คนงานร้านปลารู้ตัวว่าพวกเขาเลือกทัศนคติมาทำงานทุกวัน รายหนึ่งบอกว่า “ คุณกำลังทำอะไรกับสิ่งที่คุณทำน่ะ? คุณกำลังสวมบทบาทอะไร? คุณจะหงุดหงิดเบื่องานหรือคุณจะทำให้มันดังกระฉ่อนโลก? ถ้าคุณต้องการดังกระฉ่อนโลกคุณก็ต้องทำอีกแบบซี ” ประเด็นอยู่ที่ว่า เวลาเราทำงาน เราต้องการเป็นใคร?
   
  เล่น – คนงานร้านปลามีเรื่องสนุกเวลาทำงาน และความสนุกสนานทำให้มีพลังในการทำงาน ทำอย่างไรเราถึงจะสนุก และมีพลังมากกว่าที่เป็นอยู่?
   
  สร้างสรรค์วันดี – คนงานร้านปลาเชื้อเชิญลูกค้าให้ร่วมวงสนุกด้วยวิธีเข้าถึงลูกค้าของพวกเขาเปี่ยมด้วยอัธยาศัยไมตรีและมีพลัง ลูกค้าของเราคือใคร? เราจะสร้างสรรค์วันดี ๆ ลูกค้าของเราได้อย่างไร? และเราจะสร้างสรรค์วันดี ๆ ให้เพื่อนร่วมงานได้อย่างไร?
   
  ใส่ใจให้บริการ – คนงานร้านปลา ‘ อยู่ตรงนั้น ' กับงานอย่างเต็มตัวและเต็มใจ เราเรียนรู้อะไรจากพวกเขาบ้าง สำหรับการใส่ใจให้บริการลูกค้า และใส่ใจกับเพื่อนร่วมงาน?
   
(วันจันทร์นี้ ขอให้ทุกคนส่งร่างความคิดของตัวเองด้วย)
 
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตลาดปลา
  “ ครูส่งให้มาทำรายงานเหรอ? ”
  สเตฟานีหันขวับไปตามเสียง เห็นปลาตัวหนึ่งลอยละลิ่วผ่านไปหน้ายิ้มแฉ่งของลอนนี่ “ อ้อ..หวัดดีค่ะ
มันก็คง ทำนอง นั้น เจ้านายในที่ทำงานสั่งให้ฉันมาทำการบ้านน่ะ ”
  “ อย่าบอกนะว่า เจ้านายคุณชื่อ แมรี่ เจน? ”
  “ เอ๊ะ คุณรู้ได้ไง? ” เสียงเธอถูกกลบด้วยเสียงตะโกนของคนโยนปลา “ ทูน่าสาม-เหาะไปปารีส ” ดัดสำเนียง
เป็นฝรั่งเศสซะด้วย แต่ลอนนี่ก็ดูจะได้ยินที่เธอพูด มิน่า พวกเขาถึงเก่งเรื่องใส่ใจให้บริการ พวกเขาต้องเก่งแน่ในสภาพเอะอะโกลาหลอย่างนี้
  “ วันก่อนผมเห็นคุณในกลุ่มที่มากับแมรี่เจน รู้มั้ยคุณเป็นมนุษย์โยเกิร์ตรายแรกที่ตะครุบปลาได้ตั้งแต่
ผมเข้ามาทำงานที่นี่ ”
  “ จริงเหรอคะ? ”
  “ แล้ววันนี้มีอะไรให้ผมช่วยบ้าง? เห็นคุณทำท่างง ๆ น่ะ ”
  เธอก้มลงมองสมุดจด “ ฉันว่า
ฉันเข้าใจความหมายของการใส่ใจให้บริการแล้วละ ก็อย่างที่คุณเข้ามาทักฉันนี่ไง แล้วตอนที่ฉันขึ้นไปตะครุบปลาด้วย.. แหม.. ไม่มีทางที่ฉันจะลืมวันดี ๆ อย่างวันนั้นแน่ ฉันเองก็ชอบเล่นอยู่แล้ว บางทีก็หาเรื่องสนุกบ้า ๆ บอ ๆ ให้ตัวเอง แต่การเลือกทัศนคตินี่สิ.. ยังขบปัญหาไม่แตกเลย ทัศนคติของคนเรานี่มันจะไม่เกี่ยวกันเลยรึไง กับท่าทีที่คนอื่นปฏิบัติต่อเรา หรืออะไรต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราน่ะ? ”
  “ คนที่จะตอบคำถามข้อนี้ได้ดีที่สุดคงเป็น ‘ เจ้าหมาป่า ' เพื่อนผม เขาเคยเป็นนักขับรถแข่งอาชีพมา
ก่อน แล้วชีวิตพลิกผันเพราะเกิดอุบัติเหตุ..เอ่อ..คุณตามมาฟังหมาป่าเล่าเองจะดีกว่า เราต้องเข้าไปหาเขาในห้องเย็น ชุดที่คุณใส่อุ่นพอรึเปล่าเนี่ย? ”
  “ ขอเราไปด้วยได้มั้ย? ”
สเตฟานีหันไปมองด้านซ้าย เห็นสตีฟ แรนดี้ กับหนูน้อยน่ารักอีกคน เธอแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับลอนนี่ แล้วทั้ง
  หมดก็ยกโขยงเข้าไปคุยหลังร้าน
เจ้าหมาป่าเล่าความหลังช่วงที่พักรักษาตัวจากอุบัติเหตุ แล้วต้องฝึกใจตัวเองให้รู้จักเลือกทัศนคติประจำวัน เรื่องราวของเขาประทับใจผู้ฟังทั้งสามจนพวก ขาตั้งใจจะนำไปเล่าต่อในที่ประชุมวันจันทร์
  หลังจากนั้น สตีฟต้องแยกไปทำธุระที่อื่น
สเตฟานี แรนดี้ และลูกชายของเขาจึงเดินข้ามถนนไปข้ามฝั่งตรงข้าม ในขณะที่ผู้ใหญ่สองคนจิบกาแฟ หนูน้อยก็ง่วนอยู่กับการแทะมัฟฟินช็อคโกแล็ตชิพก้อนมหึมา
  “ คุณคิดมั้ยว่า เราน่าจะชำระล้างหลุมขยะพิษให้หมดจด ” สเตฟานีเอ่ยขึ้น “ เพราะงานใหม่
ที่อื่นก็ไม่มีหลักประกันว่าจะดีไปกว่านี้ และฉันลองคิดดูแล้วว่า จะหาเจ้านายที่ไหนให้ได้แบบแมรี่เจนอีกล่ะ? ฉันนับถือจริง ๆ เธอเพิ่งผ่านเรื่องหนัก ๆ ในชีวิตมา แต่ฉันได้ยินว่าเธอยังลุกขึ้นท้ารบกับบิล วอลช์ หน้าตาเฉย ทุกแผนกไม่มีใครเคยกล้าหือกับอีตาเจ้านายจอมโหดนี่สักราย แบบนี้เราน่าจะมีความหวังนะ หรือคุณว่าไง แรนดี้? ”
  “ สเตฟานี คุณพูดได้ตรงใจผมจัง ถ้าคนขายปลาพวกนั้นทำได้ เรามีแมรี่เจนเป็นผู้นำทั้งคนจะกลัวอะไร
มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ในที่ทำงานเราบางคนก็ยังหัวหดแบบที่ผมเคยเป็น พวกเขาตั้งแง่สงสัยไปหมดก็เพราะกลัว แต่ถ้าเราลองทำเป็นตัวอย่างให้เห็น พวกเขาก็คงดีขึ้นนะ ผมรู้แต่ว่า ไม่มีทางที่อะไร ๆ จะดีขึ้นถ้าเราไม่ตัดสินใจทำให้มันดีขึ้น และผมเองก็ต้องการให้มันดีขึ้นด้วย ”
  ขณะเดินกลับไปยังที่จอดรถ สเตฟานีเห็นเบตตี้มากับสามี เธอโบกมือทักทาย แล้วพบว่าในฝูงชนยัง
มีเพื่อนร่วมงานอีกสามราย ดีจัง เธอรู้สึกสบายใจมาก
   
   
ตลาดปลาได้ให้อะไรแก่พวกเขา ?…… โปรดติดตามตอนต่อไป