|
ตอนที่ 4 |
ย้อนมาเยือน |
พักเที่ยงวันอังคาร แมรี่เจนรีบจ้ำไปตามถนนเฟิร์สต์จนถึงตลาดปลา ลอนนี่คงมองหาเธออยู่เหมือนกัน | |
เขาโผล่ ออกมาจากกลุ่มคนในทันใด แล้วเดินนำเธอลงบันไดตลาดไปสู่ชั้นล่าง ผ่านบรรดาแผงขายเสื้อยืดของที่ระลึก | |
สุดทางเดินชั้นนี้มีโต๊ะให้เรานั่ง เขาบอกขณะนำทางเข้าไปในห้องกระจกที่มองเห็นทัศนียภาพท่าเรือ | |
และแหลมพิวเจ็ตซาวนด์ ลอนนี่เริ่มกินเบเกลกับโยเกิร์ตที่แม่รี่เจนหอบมาให้ เธอละเลียดโยเกิร์ตระหว่างตั้งประเด็นคำถามเกี่ยวกับงานในตลาดปลา ภารกิจประจำวันที่ลอนนี่สรุปให้ฟังไม่มีอะไรน่าสนุกสักนิด แต่นั่นก็ทำให้เธอยิ่งพิศวงสงสัยในท่าทีท่วงทำนองของคนงานร้านปลาซึ่งดูสนุกจนเหลือเชื่อ | |
งั้นงานของคุณกับงานของฉันก็มีอะไรคล้ายกันมากกว่าที่ฉันคิดไว้แต่แรก เธอเอ่ยหลังจากฟังลอนนี่ | |
บรรยายสภาพงานประจำวันอันจำเจน่าเบื่อหน่าย | |
คุณคิดงั้นเหรอ? เขาทำท่าแปลกใจ | |
ค่ะ งานในแผนกเราก็ต่ำต้อยต๊อกต๋อย ซ้ำซากจำเจ ถึงจะเป็นงานสำคัญของบริษัทแต่เราไม่เคยเจอ | |
หน้าลูกค้าเลย เวลาเราทำอะไรผิดพลาด ลูกค้าก็จะโกรธ แล้วทุก ๆ แผนกก็จะหันมาเล่นงานเรา แต่เวลาเราทำดีกลับไม่มีใครเห็น งานที่ทำก็น่าเบื่อมากด้วย พวกคุณทำให้งานเซ็ง ๆ กลายเป็นงานที่น่าสนใจขึ้นมาได้ไงน่ะ? ฉันทึ่งจริง ๆ | |
คุณเคยคิดมั้ยว่าคนเราถึงจุดเบื่อได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่างพวกที่มายืนชูถ้วย | |
โยเกิร์ตหน้าแผงปลาน่ะ บางคนเดินทางไปทำงานที่โน่นที่นี่ทั่วโลก ผมฟังแล้วอิจฉาจัง แต่พวกเขาบอกผมว่ามันสนุกอยู่ได้ไม่นานหรอก ผมว่างานอะไรก็ตาม ถึงจุดหนึ่งมันก็กลายเป็นเรื่องน่าเบื่อได้ทั้งนั้น " |
![]() |
||
เห็นด้วยค่ะ ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นฉันเคยได้งาน | ||
ที่สาว ๆ ทั้งหลายใฝ่ฝันกันนัก ฉันได้เซ็นสัญญาถ่ายแบบ แต่แค่เดือนแรกฉันก็เบื่อจนแทบร้องไห้ มีแต่ยืน ๆ เดิน ๆ แล้วก็นั่งรอ งานอ่านข่าวทีวีก็เหมือนกัน ไม่มีอะไรให้ทำเลยนอกจากรออ่านข้อความที่คนอื่นเขียนให้ มันน่าเบื่อจริง ๆ .. อย่างน้อยก็สำหรับฉันคนนึงละ |
เอาละ เราเห็นพ้องต้องกันแล้วว่างานอะไรก็น่าเบื่อได้ทั้งนั้น ทีนี้เราจะเห็นตรงกันด้วยมั้ยว่าเรามีทางที่จะทำงานอะไรก็ตามอย่างคึกคักเข้มแข็งได้? | |
ข้อนี้ฉันไม่ค่อยแน่ใจ ไหนคุณลองยกตัวอย่างซิ | |
อ๋อง่ายมาก.. คุณลองเดินดูแผงปลาอื่นในตลาดสิ พวกเขาไม่เหมือนเรา แผงปลาพวกนั้นยัง | |
เป็น ..เอ่อ..เป็นอะไรอย่างที่คุณเรียกน่ะ..หลุมขยะพิษ วิธีทำงานของพวกเขาทำให้แผงเราโดดเด่นเป็นพระเอกขึ้นมาเลยเห็นมั้ย ผมบอกคุณแล้วไงว่าทั้งตลาดไพค์เพลซเคยเป็นอย่างแผงพวกนั้น จนกระทั่งเราค้นพบสูตรมหัศจรรย์ข้อนี้ .. คุณเลือกวิธีทำงานของคุณได้เสมอ แม้ในยามที่คุณเลือกงานไม่ได้ บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราในการสร้างชื่อตลาดไพค์เพลซให้ลือลั่นไปทั่วโลกก็คือ เราสามารถเลือกทัศนคติที่จะพกติดตัวไปทำงานได้ |
==================== |
เลือกสร้าง ทัศนคติ |
แมรี่เจน หยิบกระดาษโน้ตมาเขียนลงไปว่า.. |
เราเลือกทัศนคติในการทำงานได้ |
แม้ในยามที่เราเลือกงานไม่ได้ |
เธอนั่งพิจารณาข้อความที่เพิ่งเขียนลงไปอีกครู่หนึ่งแล้วตั้งคำถามว่า ก็แล้วทำไมเราไม่เลือกงานให้ตรงใจ | |
ซะเลยล่ะ? | |
คุณถามได้ตรงประเด็นเป๊ะเลย ใช่..เราจะเปลี่ยนงานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีใครห้าม นั่นแสดงว่า เรามีสิทธิที่ | |
จะหางานใหม่ให้ถูกใจตัวเอง แต่มันคงไม่ฉลาดนักหรอกถ้านึกถึงภาระต่าง ๆ ที่คุณยังต้องรับผิดชอบ นี่ละผมถึงบอกว่า คุณอาจเลือกงานไม่ได้ แต่สามารถเลือกทัศนคติที่จะติดตัวไปทำงานได้ | |
ลอนนี่สาธยายต่อ ผมจะเล่าเรื่องยายของผมให้ฟัง.. คุณยายทำงานบ้านด้วยความรักความพอใจ | |
อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ หลาน ๆ ก็ชอบแย่งกันช่วยล้างจาน เพราะท่านทำให้มันเป็นเรื่องสนุกขึ้นมาได้ ระหว่างที่เราสนุกกัน คุณยายก็จะสอนโน่นสอนนี่ ถ่ายทอดภูมิปัญญาก้นครัวให้เรา สำหรับเด็ก ๆ อย่างเรา สิ่งที่มีคุณค่ามากเหลือเกินก็คือการมีผู้ใหญ่ที่เข้าใจและคอยดูแลนี่เอง | |
เมื่อโตขึ้นผมถึงเข้าใจว่า จริง ๆ แล้วคุณยายไม่ได้ชอบล้างจานหรอก ท่านใส่ความรักลงไปในงานล้างจาน | |
ต่างหากล่ะ แล้วสปิริตแบบนั้นมันเป็นโรคติดต่อเรื้อรังซะด้วยซี.. |
ผมกับเพื่อน ๆ ก็เหมือนกัน เรา | ![]() |
|
เริ่มรู้สึกตัวว่า เวลาเข้ามาทำงานในตลาดปลานี่ เราพกทัศนคติส่วนตัวเข้ามาด้วย วันไหนอารมณ์บ่จอย วันนั้นก็จะเซ็งสุด ๆ กับงาน วันไหนอารมณ์บูดจัด เราก็จะทำให้เพื่อนร่วมงานและลูกค้าหัวเสียไปด้วย แต่ถ้าวันไหนเราร่าเริงสนุกสนาน ทุกอย่างก็จะดีไปหมด เราเลือกได้นี่นาว่าเราต้องการวันแบบไหน พวกผมเคยถกกันอย่างหนักเลยว่า แล้วเรามีอะไรให้เลือกบ้างล่ะ จนในที่สุดเราก็คิดออกว่า ไหน ๆ ก็ต้องมาทำงานที่นี่แล้ว ทำไมไม่ทำให้มันเป็นวันดี ๆ ซะเลยล่ะ.. คุณว่า ความคิดนี้พอจะเข้าท่าบ้างมั้ยเนี่ย? | ||
เข้าท่ามากค่ะ | ||
แล้วเราก็ตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เราเลือก.. ความดังกระฉ่อนโลก ' นี่ไงล่ะ | ||
วันที่เรามาทำงานเพื่อ สร้างชื่อให้กระฉ่อนโลก มันสนุกกว่าวันทำงานปรกติเป็นไหน ๆ คุณเข้าใจใช่มั้ยว่าผมหมายถึงอะไ งานในตลาดปลานี่.. ทั้งเฉอะแฉะ เหม็นคาว หนาวเหนื่อย แถมยังเป็นงานต๊อกต๋อย แต่เราก็อุตส่าห์มีทางเลือกสำหรับการสร้างทัศนคติในที่ทำงาน | ||
ฉันพอเข้าใจแล้ว.ทุกวันคุณเลือกทัศนคติที่จะติดตัวไปทำงาน แล้วมันก็จะกำหนดท่าทีวิธีทำงาน | ||
ของคุณไหน ๆ คุณก็ต้องทำงานที่นี่แล้ว ทำไมไม่ทำให้มันดังไปเลยล่ะ แทนที่จะซังกะตายทำไปวัน ๆ .. แหม..ฟังดูง่ายจังเลยค่ะ | ||
พูดง่ายแต่ทำยากน่ะเราไม่ได้สร้างชื่อขึ้นมาในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาเกือบปีแน่ะ ผมเองก็ต้องปรับตัว | ||
แทบแย่ แบบว่า..เคยเป็นมา อีกอย่างน่ะ ผมเคยใช้ชีวิตตามยถากรรม ไม่เคยคิดอะไรมาก นึกซะว่าชีวิตก็ต้องเป็นอย่างนี้ละ ถ้าชีวิตโหดกับเรา เราก็ต้องทรหดกับมัน ผมก็เลยอึดไปวัน ๆ ตอนที่พวกเราตกลงใจจะสร้างชื่อให้ตลาดปลาที่นี่ ผมยังไม่ยอมเชื่อว่า จะสามารถเลือกวิถีชีวิตประจำวันของตัวเองได้ เพราะผมยอมตัวเป็นฝ่ายถูกกระทำมาจนชิน แล้วเพื่อนคนนึงที่ผ่านโลกมามากก็ลากผมไปอธิบายให้เข้าใจทีละเปลาะ ผมถึงได้ตั้งหลักคิดใหม่ ลองใหม่ จนในที่สุดผมก็กลายเป็นคนใหม่ที่เชื่อมั่นว่า คนเราสามารถสร้างทัศนคติให้ตัวเองได้ เรื่องนี้ผมไม่มีข้อกังขา เพราะผมทำมาแล้ว | ||
ทั้งคำพูดและคนพูดทำให้แมรี่เจนเคลิ้มคล้อยใจลอยไปไกล เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบว่า ลอนนี่กำลัง | ||
มองเธอด้วยแววตาสนเท่ห์จนเธอรู้สึกตัวว่าชักจะฟุ้งซ่านใหญ่แล้ว โทษค่ะ เอ่อ.. งั้นฉันจะลองกลับไปคิดดู แล้วมีคำอธิบายอย่างอื่นอีกมั้ย เรื่องความสำเร็จของร้านคุณน่ะ? | ||
มีเคล็ดลับอยู่สี่ข้อ แต่ที่ผมบอกคุณไปแล้วนั่นคือข้อที่เป็นหลักสำคัญ ถ้าคุณไม่เลือกทัศนคติที่ดี | ||
อย่างอื่นก็ไม่ความหมาย เพราะฉะนั้นเราหยุดไว้ตรงนี้ก่อนดีกว่า แล้วค่อยว่ากันต่อ คุณลองรับเอาเคล็ดลับข้อที่หนึ่งไปคิดเป็นการบ้านว่า พอมีทางทำอะไรได้บ้างกับที่ทำงานชั้นสามของคุณ แล้วค่อยโทรหาผมเมื่อคุณพร้อมจะรับฟังในส่วนที่เหลือ อ้อ..คุณมีเบอร์โทรร้านเรามั้ย? | ||
ทำไมจะไม่มีล่ะคะ ก็ในร้านคุณติดป้ายพรึ่ดจนแทบไม่เหลือที่ว่าง | ||
อ้อ จริงซี.. เราไม่ถ่อมตัวเลยซักนิด ว่ามั้ย? แล้วพบกันใหม่นะ ขอบคุณสำหรับโยเกิร์ต | ||
กล้าคิด กล้าทำ | ||
แมรี่เจนยังต้องยุ่งอยู่กับงานที่กอง สุมรุมเร้าอีกสองวัน นั่นเป็นข้ออ้างที่ชอบธรรม แต่เธอก็ไม่วายนึกถึง | ||
ถ้อยคำของลอนนี่แล้วเริ่มรู้สึกว่า แม้กระทั่งตัวเธอเองซึ่งเห็นด้วยเต็มที่กับปรัชญาการทำงานของแผงปลามหาฮ็อต ก็ยังลังเลพะว้าพะวง เธอได้แต่บอกตัวเองว่า ในเมื่อยังไม่มั่นใจ ก็ต้องลองหาข้อมูลเพิ่มเติม | ||
วันนี้วันศุกร์ เธอตัดสินใจแล้วว่า จะไปคุยกับบิลเรื่องงานสัมมนาที่เจ้านายใหญ่ไปได้ความคิดแปลก ๆ | ||
เกี่ยวกับการสร้างสปิริตในที่ทำงาน ดูซิว่ามีอะไรที่เธอควรรู้บ้าง ตกบ่ายเธอจึงมีเวลาโทรหาบิล | ||
บิลคะ.. นี่ฉันจะเริ่มต้นตรงไหนดี ถึงจะสร้างสปิริตในที่ทำงานได้ตามไอเดียที่เจ้านายรับมาจากงาน | ||
สัมมนาอะไรนั่นน่ะ? | ||
คุณจะสร้างไปทำไม? มันก็แค่กระแสแฟชั่น นิวเอจ ' ที่ผุดขึ้นมาในอ่างจาคุซซี่ | ||
ทำไมต้องไปเสียเวลากับมันด้วย | ||
แมรี่เจนฉุนกึ้กขึ้นมาทันที เธอสูดหายใจยืดอก ศอกกลับไปว่า บิล.. ตอนที่ฉันตกลงรับตำแหน่ง | ||
ใหม่นี่เราต่างก็รู้ว่ามีปัญหาเยอะแยะที่ต้องสะสาง ขืนรอช้าก็ยิ่งลำบาก แล้วเวลาก็เหลือน้อยลงทุกที คุณเองก็ตกที่นั่งเดียวกับฉันนั่นละ แล้วนี่คุณจะช่วยหรือจะทำให้มันแย่หนักขึ้นไปอีกล่ะ? | ||
เราพูดออกไปได้ไงเนี่ย เธอใจหาย แต่หลุดปากไปแล้วก็สบายใจดีแฮะ ! | ||
บิลสวนกลับทันควัน ดูเขาจะชอบอกชอบใจกับการพุ่งชนแบบนี้ด้วยซ้ำ โอเค..โอเค.. อย่าเพิ่งโวยได้มั้ย | ||
บนโต๊ะผมมีเทปบันทึกเสียงจากงานสัมมนานั่น เจ้านายสั่งให้ผมฟัง แต่ยังไม่มีเวลาว่างเลย งั้นคุณช่วยเอาไปฟังเผื่อผมทีได้มั้ย? | ||
อ๋อ ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะแวะไปเอานะ |
รถติด ความคิดแล่น | ||
รถติดหนับบนถนนเบลล์วูขากลับ แต่แมรี่เจนไม่ใส่ใจเพราะเธอกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์ | ||
บนเส้นทางชีวิตส่วนตัว ความมั่นใจของฉันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่นี่? ฉันไม่เคยหาญกล้าท้าทายอย่างที่พูดกับบิลวันนี้มานานเต็มที เธอเริ่มตระหนักแล้วตระหนก สองปีเต็ม ๆ เชียวนะนี่ เหตุการณ์ต่าง ๆ เริ่มเรียงลำดับปะติดปะต่อเป็นภาพซ้อนใต้สำนึก มันช่างหนักหนาสาหัสเกินกว่าที่จะคิดอะไรต่อแล้ว ด้วยความรู้สึกตีบตัน เธอหยิบตลับเทปของบิลเสียบ เข้าช่อง เครื่องเสียงตรงหน้า.. | ||
เสียงทุ้มนุ่มลึกจากลำโพงช่างมีอานุภาพสะกดใจ เป็นเสียงอ่านบทกวีของกวีผู้หนึ่งที่ชอบพก | ||
ผลงานของตนไปอ่านในที่ทำงานด้วยความเชื่อมั่นว่า สุนทรียรสของภาษาจะช่วยเพิ่มแรงใจให้สามารถรับมือกับเรื่องหนักสมองประจำวันได้ดีขึ้น เขาผู้นี้ชื่อ เดวิด ไวท์ ในเทปเขาร่ายบทสนทนาสลับกับการอ่าน บทกวีและเรื่องราวของเขาช่วยปลอบประโลมใจเธอ และบางถ้อยวลีก็โลดแล่นออกมาลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเธอ | ||
หน่วยงานของเรา และพนักงานอย่างเราต่างต้องการสิ่งเดียวกัน นั่นคือความ | ||
คิดสร้างสรรค์ ความรักความพอใจ ความยืดหยุ่นพลิกแพลง และความตั้งใจ | ||
จริง.. | ||
ใช่เลย เธอขานรับอยู่ในใจ | ||
ถึงฤดูร้อน เราต้องทุบกระจกหน้าต่างรถตัวเองในที่จอดรถของ | ||
บริษัท ไม่ใช่เพื่อระบายความร้อนให้เบาะรถหรอกนะ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า | ||
แค่หกสิบเปอร์เซนต์ของตัวเราเท่านั้นที่ยอมลงจากรถเดินไปเข้าที่ทำงาน อีก | ||
ส่วนหนึ่งของตัวเรายังนั่งแช่อยู่ในรถ เมื่ออยู่ในรถก็ต้องมีอากาศให้หายใจใช่ | ||
มั้ยล่ะ.. ลองนึกซิว่า มันจะต่างกันยังไงบ้าง ถ้าเราพาตัวเองไปเข้าที่ทำงาน | ||
แบบเต็มร้อย? | ||
ตาคนนี้เป็นใครนะ? แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ หูเธอก็สะดุดแล้วใจก็ถลำลึกไปกับเสียงอ่านบทกวีชื่อ | ||
ศรัทธา ของเดวิด ไวท์ เขาเกริ่นนำว่า บทกวีนี้ เขียนขึ้นในช่วงที่กำลังเกิดวิกฤตศรัทธาในตนเองอย่างหนัก | ||
ศรัทธา |
|
โดย เดวิด ไวท์ |
ผมอยากเขียนถึง ศรัทธา |
เขียนถึงจันทราที่เคลื่อนดวงลอยเด่น |
เหนือหิมะเหมันต์อันเยือกหนาว คืนแล้วคืนเล่า |
ศรัทธายังมี แม้เพ็ญหรี่ในคืนแรม |
วงเสี้ยวเว้าหาย จนสลายไร้รูปรอย |
แต่ใจผมมืดสนิทไร้ศรัทธา |
ไม่ยอมเปิดช่องให้แสงส่องเข้ามา |
ผมจึงปรารถนา..ให้ลีลากวีบทนี้ |
เป็นจันทร์ข้างขึ้นคืนแรก..เสี้ยวนิดน้อยรอคอยเต็มดวง |
เป็นวรรคแรกร่ายมนตรา เปิดตาเปิดใจให้ ศรัทธา ' |
==================== |
นี่มั้ง..ที่ภาษิตกล่าวว่า เมื่อศิษย์พร้อม อาจารย์ก็มา คำกวีช่วยทำให้จิตใจกระจ่างขึ้นโดยพลัน | ||
ในที่สุดแมรี่เจนก็รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คอยฉุดรั้งเธอ การจากไปอย่างกะทันหันของแดนกับภาระหนักหน่วงของสาวหม้ายลูกสอง ทำให้เธอหมดศรัทธาในความสามารถของตนที่จะลุกขึ้นมาตั้งหลักสู้โลกสู้ชีวิตต่อไป เธอกลัวว่า ถ้าลุกขึ้นเสี่ยงแล้วพลั้งพลาด ก็จะหมดหนทางทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและลูก ๆ นี่เอง | ||
การริเริ่มเปลี่ยนแปลงในที่ทำงานเป็นเรื่องเสี่ยง เธออาจล้มเหลวและตกงาน โอกาส | ||
พลาดเห็นชัด ๆ แต่เธอก็เริ่มคิดถึงความเสี่ยงอีกแบบถ้าไม่ขยับตัวทำอะไรเลย ถ้าเราไม่ยอมเปลี่ยน เราก็อาจตกงานกันทั้งแผนก.. ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ฉันไม่อยากทำงานในออฟฟิศที่น่าเบื่อแสนเซ็งอย่างนี้เลย เพราะฉันรู้ว่า ในที่สุดมันก็จะทำให้ฉันกลายเป็นอะไรที่แย่จนไม่อยากจะคิด แล้วถ้าฉันปล่อยตัวตกต่ำลงไปถึงขั้นนั้นฉันจะเป็นแม่แบบไหนกัน? จะเป็นแบบอย่างให้ลูก ๆ ได้อย่างไร? นี่ถ้าวันจันทร์ฉันจะเริ่มลุย ฉันก็ต้องเริ่มที่ทัศนคติของตัวเองก่อน ฉันต้องมีศรัทธาเชื่อมั่นว่า อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ฉันต้องไม่เป็นไร | ||
ชีวิตจะเสียหลักยังไง ฉันก็รอดมาแล้วนี่ ฉันจะต้องไม่เป็นไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม | ||
ถึงเวลาต้องกวาดล้างหลุมขยะพิษนี่ซะที นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการปรับปรุงบริษัท.. ถึงแม้ฉันจะเชื่อว่ามันคงช่วยให้กิจการของบริษัทดีขึ้น ไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาท้าพิสูจน์ฝีมือ..ถึงจะเป็นเรื่องสำคัญก็เถอะ นั่นก็ยังเป็นแค่สาเหตุภายนอก เหตุผลที่ฉันต้องลุกขึ้นสู้มาจากข้างในนี่ต่างหากล่ะ ฉันจะต้องฟื้นฟูศรัทธาในตนเองให้ได้ และการสู้ปัญหานี่แหละคือหนทางที่จะบรรลุผลสำเร็จในเรื่องนี้ | ||
เธอจำคำพูดบางตอนในเทปนั่นได้ ผมว่า ที่ทำงานไม่ใช่คุกหรอก แต่เราเองนั่นแหละที่ไป | ||
สร้างคุกขึ้นในที่ทำงาน เรากักขังตัวเองด้วยวิธีการทำงานที่เราเลือก แล้วกำแพงคุกที่ปิดกั้นเราก็คือการขาดศรัทธาในตนเองไงล่ะ | ||
การเปรียบเทียบที่ทำงานกับคุกไม่ใช่เรื่องใหม่อย่างน้อยเธอก็เคยฟังคำพูดทำนองนี้มา | ||
แล้วจากที่สัมมนาครั้งหนึ่ง.. เธอขับรถมาถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกลางวัน ถอยเข้าช่องจอด แล้วหยิบสมุดบันทึกมาเขียนต่อว่า | ||
ชีวิตนี้มีค่าเกินกว่าที่จะยอมเสียเวลาแม้กระทั่งเดินเฉียดหลุมขยะ | ||
พิษ ฉันไม่ต้องการหมกชีวิตไว้ตรงนี้ และฉันเชื่อว่า ทุกคนในที่ทำงานจะเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อพวกเขาเริ่มมองเห็นว่า ยังมีทางเลือกที่เป็นไปได้ | ||
วัฒนธรรมองค์กรของเราจมปลักหมักหมมมานาน ถ้าฉันจะเปลี่ยน | ||
ตรงนี้ก็ต้องยอมเอาตัวเข้าเสี่ยง เพราะไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าฉันจะทำสำเร็จ แต่นั่นก็น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะเรื่องร้าย ๆ ที่ผ่านมาได้กัดกร่อนศรัทธาของฉันไปมาก การตัดสินใจเสี่ยงเมื่อจำเป็นอาจช่วยกอบกู้ศรัทธาขึ้นมาใหม่ และการไม่ทำอะไรเลยอาจเป็นเรื่องเสี่ยงยิ่งกว่าการทำอะไรสักอย่างเสียด้วยซ้ำ | ||
ในแฟ้มฉันมีบันทึกอะไรสักอย่างที่น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ตอน | ||
นี้ ต้องหามันให้เจอ เพราะฉันต้องการทุกสิ่งทุกอย่างที่จะช่วยฉันได้ | ||
เขียนจบเธอก็ก้าวลงจากรถ เข้าไปรับลูกสาวในตึก | ||
แม่ขา.. ทำไมแม่ตาแดงเหมือนร้องไห้.. แม่เสียใจอะไรเหรอคะ? | ||
ใช่จ้ะลูก แม่เพิ่งร้องไห้มา แต่ร้องไห้แล้วดีน่ะ ไหน..วันนี้ทำอะไรบ้างจ๊ะ? | ||
หนูวาดรูปครอบครัวของเรา แม่อยากดูมั้ยคะ? | ||
อยากซีลูก เธอก้มลงดูแผ่นกระดาษที่มีรูปวาดคนสี่คน แล้วหันมองลูก | ||
โอ..เก่งจัง เธอถอนใจเฮือก อีกบททดสอบสำหรับศรัทธา | ||
ไปเก็บของเถอะลูก เรายังต้องไปรับแบรดอีก | ||
สู่ ความมืด หรือ ทางสว่าง โปรดติดตามตอนต่อไป |