เครื่องมือการจัดการที่มีผลต่อความอยู่รอดขององค์กร |
ตอนที่ 4 : Six Sigma |
![]() |
|
เมื่อความอยู่รอด และ ความยั่งยืน ถูกวางให้เป็นเป้าหมายขององค์กรแล้ว เมื่อใดที่มีสัญญาณว่าองค์กรกำลังมีปัญหาที่ทำให้เบี่ยงเบนออกจากเป้าหมาย ผู้บริหารคงต้องทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่เป้าหมายให้ได้เหมือนเดิม ปัญหาที่มักพบกันบ่อยๆจะเป็นเรื่องของ : | |
1-ลูกค้าไม่พอใจในสินค้า และหันไปซื้อสินค้าของคู่แข่ง | |
2-ยอดขายตก | |
3-ผลกำไรต่ำกว่าเป้า | |
4-มีอัตราการลาออกของพนักงานสูงผิดปกติ |
นอกจาก Balanced Scorecard แล้ว เครื่องมืออีกอันหนึ่งที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกนิยมใช้กันก็คือ Six Sigma | |
บริษัทเหล่านั้นประกอบด้วย Motorola (แจ้งว่า Six Sigma ทำกำไรให้ถึง 1,400 Million USD ภายในเวลา 4 ปี) , GE (แจ้งว่า Six Sigma ทำกำไรให้ถึง 1,000 Million USD ภายในเวลา 3 ปี) และบริษัทอื่นๆอีกมากมาย เป็นต้น | |
Six Sigma คืออะไร ทำอย่างไร ? | ![]() |
Six Sigma เป็น Brand หนึ่งของเครื่องมือในการจัดการอีกอย่างหนึ่งที่วัดผลการทำงานเป็นตัวเลขทางสถิติ คำว่า Sigma หมายถึง ความเบี่ยงเบนจากเป้าหมายStandard Diviation ในทางสถิติของขบวนการทำงานทุกด้านเช่น เป้าการขาย เป้าการตลาด เป้าความพอใจของลูกค้า เป้าคุณภาพบ้าน |
เป้าประสิทธิภาพของการผลิต ว่าตามธรรมชาติแล้ว ค่าความผิดพลาดในทางบริหารต่างๆเหล่านี้จะมีการกระจายตัวเป็นรูป
ระฆังคว่ำ Normal Distributionโดยความเบี่ยงเบนจะวัดจากค่า เป้าหมาย (จุดยอดของกราฟ)
เป็นทีละ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
ที่ 6![]() |
![]() |
แล้ว 3.4 ใน 1 ล้านหน่วยเกี่ยวอะไรกับหลักการ Six Sigma ? |
![]() |
Concept Six Sigma คือ ความผิดพลาดน้อยที่สุดจนเข้าใกล้ศูนย์ |
ปรัชญาของ Six Sigma คือ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรามีประสิทธิภาพใดก็ตาม หากในขบวนการก่อสร้างยังมีความบกพร่องอยู่แล้วละก็ เราต้องพัฒนาวิธีการก่อสร้าง .... |
เพื่อให้ความบกพร่องเข้าใกล้หรือน้อยกว่า 3.4 ใน 1 ล้านหน่วย ให้ได้ ! |
ปรัชญาของ Six Sigma คือ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรามีประสิทธิภาพใดก็ตาม หากยังมีลูกค้าที่เราเคยนำเสนอขายบ้านให้แล้วเขาไปซื้อบ้านของคู่แข่งแล้วละก็ เราต้องพัฒนาวิธีการขาย .... |
เพื่อให้ลูกค้าที่หลุดไปเข้าใกล้หรือน้อยกว่า 3.4 ใน 1 ล้านหน่วย ให้ได้ ! |
ปรัชญาของ Six Sigma คือ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรามีประสิทธิภาพใดก็ตาม หากยังมีลูกค้าแสดงความไม่พอใจบ้านของเรายังมากอยู่แล้วละก็ เราต้องพัฒนาคุณภาพบ้านและบริการ .... |
เพื่อให้ Any Complaint เข้าใกล้ 3.4 ใน 1 ล้านหน่วย ให้ได้ ! |
ปรัชญาของ Six Sigma คือ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรามีประสิทธิภาพใดก็ตาม หากอัตราการลาออกของพนักงานยังมีมาก เราต้องพัฒนาวิธีบริหารบุคคล .... |
เพื่อให้อัตราการลาออกเข้าใกล้ 3.4 ใน 1 ล้านหน่วย ให้ได้ ! |
หวังว่าคงไม่มีใครตั้งคำถามว่า แล้ว Motorola กับ GE เขาทำได้ 6![]() เพราะ ในทางบริหารแบบฝรั่ง เขาเก่งในการ จับ สิ่งที่เป็น นามธรรม ให้เป็น รูปธรรม ด้วยการวาดให้เห็นเป็นภาพ (Visualizing the idea) เพื่อให้ทุกคนเห็นตรงกัน (Shared Vision) และ ตั้งค่าของมันให้ ท้าทาย และ มีเป้าหมาย ที่ต้องการ วัดได้เป็นตัวเลข (Aim to only the highest target) เพื่อเล็งผลเลิศและเพื่อสร้างความชัดเจนในการสื่อสารกัน และเพื่อ สร้างแรงกระตุ้น ให้แก่ผู้ปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ....คนที่ชอบคิดว่า แค่เท่าที่เป็นอยู่ ....ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องปรับปรุง ? |
ฝรั่งมองว่าการตั้งคำถามอย่างนั้น ....ขัดขวางการพัฒนา !!!! |
มองว่าเป็นการตั้งคำถามที่ ....ไม่ต้องการทำอะไร !!!! |
มองว่าเป็นการตั้งคำถามแบบคนที่ลืมไปว่า ....ในตลาดไม่ใช่มีแต่เรา หากเต็มไปด้วยคู่แข่งที่ไม่เคยหยุดแข่งขันกับเรา ตลาดเป็น Dynamic , ไม่ใช่ Static |
ความอยากพัฒนาของผู้บริหารถูก Block ตั้งแต่คำถามตั้งแง่นี้เกิดขึ้นในสมองของพนักงาน
!!!! ตรงกันข้าม หากพนักงานทุกคนซื้อ Idea ของการพัฒนา และมองไปที่ 6 ![]() |
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็น เป้าหมายที่แท้จริง |
เป้าหมายกลับกลายเป็น ขบวนการทำงาน .... |
ไม่ใช่ตัวเลข 3.4 ใน 1 ล้านหน่วย ที่เป็น
ขนมล่อ !!!! นี่เป็น Trick ในการบริหาร คน อีกแล้ว .... |
คุ้นๆไหมครับกับ Balanced Scorecard ที่วาง
มุมมอง 4 ด้าน เพื่อให้พนักงานยินยอมพร้อมใจกันยึดไว้เป็นเป้าของตนอย่างเต็มใจตั้งแต่ขั้นตอนวาง
Kra , Kpi และ Action Plan ! สังเกตไหมว่า ....ทั้งสอง Technique ล้วนพุ่งไปที่ คนที่ทำงานเป็น Team และ การเรียนรู้ที่ได้รับจากการพัฒนาระบบในระหว่างทางของการผจญภัย !?! .... |
ซึ่งสำคัญกว่าตัว
เป้า ที่เป็นแค่ตัวเลข! ระบบเกิดแล้ว ผลประกอบการจะมุ่งตรงไปที่เป้าทุกๆปีเอง ! |
คราวหน้าเรามาดูกันว่า
Technique ที่ชื่อว่า Six Sigma นั้นมีโครงสร้างอย่างไร ทำงานอย่างไรนะครับ
? |
พิชัย อรุณพัลลภ |
Department of Quality Management |
![]() |
|