ในที่ประชุมครั้งหนึ่งที่มีผู้ร่วมประชุม 300 คน ผมถามที่ประชุมว่าใครต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต กรุณายกมือขึ้น ? |
|
มีคนแค่ 10 คนที่ยกมือในทันที หลังจากนั้นอีกสัก สอง สามอึดใจก็มีคนทยอยยกมือตามจนกระทั่งเต็มห้องในที่สุด |
|
ผมถามต่อว่าใครบ้างที่มีแผนที่ชัดเจนในการเดินไปสู่ความสำเร็จนั้น กรุณายกมือขึ้น ? |
คนที่เคยยกมือทันทีเหลือไม่ถึง 5 คน ตามมาด้วยคนที่ทยอยยกมือทีละคน สองคน และหลังจากรออยู่นานพอจนแน่ใจว่าไม่มีคนยกมือเพิ่ม ผมก็เริ่มนับคนที่ยกมือ ได้จำนวน 9 คน
ย้ำ มีเพียง 9 คน หรือ 3% เท่านั้นที่คิดว่าตนเองมีแผนที่ชัดเจนในการเดินไปสู่ความสำเร็จ ! |
ผมถามต่อหากมีเคล็ดลับสู่ความสำเร็จที่ผ่านการเก็บรวบรวมมาจากประสบการณ์ของคนอย่าง Thomas Adison , Henry Ford , Andrew Carnekie , Woodrow Wilson , Harvey Firestone , George Eastman เป็นต้น มีใครอยากรู้ไหม ? |
คราวนี้มีคนยกมือเร็วขึ้น และเต็มห้อง ใช้เวลา 5 วินาที ! |
ผมถามต่อว่าหากคุณรู้เคล็ดลับของคนดังๆเหล่านี้แล้ว มีใครคิดว่าจะทำตามบ้าง ? |
น่าสนใจมากที่คราวนี้ มี 15 คนที่ยกมือภายใน 15 วินาที นอกนั้นยกมือหลังจากเวลาผ่านไป 30 วินาที จึงครบทุกคน ! |
ผมถือว่าคนที่ใช้เวลาในการยกมือนานกว่า 15 วินาที ยกเพราะเห็นคนอื่นยก และไม่มีความเด็ดขาดชัดเจนที่จะทำจริง หรือมีความลังเลว่าตนจะทำจริง คนกลุ่มคิดนานจึงไม่ถูกนับ
ดังนั้น 15 คนหรือ 5% เท่านั้นที่เป็นจำนวนของคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ตนได้รับความสำเร็จ ! |
|
ข้อสรุปของผมจากการสำรวจในเรื่องดังกล่าวคือ : |
1-ในกลุ่มคนในวัยทำงาน มีคนจำนวนน้อยมากที่มีเป้าหมายชัดเจน ส่วนใหญ่ทำแบบไร้เป้าหมาย |
2-ทุกคนอยากรู้เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ |
3-แต่มีเพียง 5% เท่านั้นที่คิดว่าจะ ลงมือทำอย่างจริงจัง
รู้ข้อมูลอย่างนี้แล้ว ผมมีความรู้สึกแปลกใจ ที่ว่าทำไมคนส่วนมากจึงลังเลในการลงมือ ทำ เพื่อชีวิตของเขาเองแท้ๆ ?
ที่เป็นอย่างนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอยากได้ ....แต่อยากได้มาฟรีๆง่ายๆโดยไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องทำอะไรเลย ใช่หรือไม่ ? |
|
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งหรือไม่ที่หลายคนสงสัยว่าทำไมประเทศเราจึงยังพัฒนาช้ามาก ขนาดประเทศสิงคโปร์ที่มีขนาดประเทศเท่าเกาะภูเก็ต ยังมีรายได้ประชาชาติต่อหัวเป็น 4 เท่าของคนไทย ( 4 เท่านี้เป็นตัวเลขที่ดีขึ้นมาหลายเท่าหลังจากมีรายได้จาก เทมาเสค 73,000 ล้านบาทแล้ว !Oops !ว่าจะไม่แตะการเมืองแล้วเชียว แต่นี่เป็นความจริง ! ) |
|
Dr.Hill ได้แนะนำ-- The Laws of Success (กฎแห่งความสำเร็จ) ซึ่งประกอบด้วยคุณค่า : |
อภิจิต (แปลเป็นไทยว่าความร่วมใจ (Synergy)ได้ไหม ?) |
การเอาชนะความกลัว (ตัวถ่วงความคิดริเริ่ม ?) |
 |
การมีเป้าหมายที่สำคัญแน่นอน(ชีวิตมีจุดยึดเหนี่ยว) |
 |
ความเชื่อมั่นในตนเอง(การเอาชนะปัญหาด้วยการพึ่งตนเอง) |
การมีนิสัยอดออม(ทำให้ไม่มีแรงกดดันทางการเงิน) |
การมีความคิดริเริ่ม(โอกาสทำงานเดิมที่เคยเบื่อให้สนุกกับสิ่งใหม่) |
 |
การมีจินตนาการ(กล้าคิด กล้าฝันนอกกรอบ ?) |
ความกระตือรือร้น(การไม่เฉื่อยแฉะ มีชีวิตชีวา) |
 |
การควบคุมตนเอง (ให้อยู่ในแนวทางที่สร้างสรรค์) |
การทำงานเกินเงินเดือน(ทำงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์และความรู้ของตน) |
In order to respond to heightened public concern regarding the safety of students riding school buses, the agency initiated the "School Bus Safety Assurance Program" in May 1995. The main purpose of this program is to inform State Transportation Inspection Program Directors, State Pupil Transportation Directors, interested association groups, school district personnel, nonpublic school bus owners, parents, and members of the general public of the current safety recalls involving school buses. |
Each recall entry gives the following information: (a) the corporate name of the recalling manufacturer(s); (b) the phone number of the recalling manufacturer(s); (c) the production dates of the school buses being recalled; (d) the school bus model(s) being recalled; (e) the NHTSA assigned recall number; (f) the manufacturer assigned recall number if different from the NHTSA assigned recall number; and (g) a brief description of the safety recall campaign. |
School buses remain one of the safest forms of transportation in the United States. The success of the School Bus Safety Assurance Program is dependent on the willingness of each of us concerned with the transportation of children to review the enclosed recall listing and make every effort to ensure that buses within our purview are corrected as soon as possible. |
|
If you have any questions concerning the School Bus Safety Assurance Program, please contact either Mrs. Kelly Schuler or Mr. George Person at (202) 366-5210 or by facsimile
at (202) 366-7882 or you can reach Mrs. Schuler by e-mail at Kschuler@nhtsa.dot.gov. Copies of this publication are also available on NHTSAs web site located at http://www-odi.nhtsa.dot.gov. If you have any questions concerning a specific recall campaign, please call the involved manufacturer at the phone number given in the recall listing or call NHTSA's Auto Safety Hotline at (888) 327-4236. |
|
|
|
|
|
List Of School Bus Related
Federal Motor Vehicle Safety Standards (FMVSS) |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 105, "Hydraulic Brake System." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 111, "Rearview Mirrors." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 115, "Vehicle Identification Number." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 120, "Tire Selection and Rims for Vehicles Other Than Passenger Cars." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 121, "Air Brake Systems." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 131, "School Bus Pedestrian Safety Devices." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 209, "Safety Belt Assemblies." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 210, "Safety Belt Assembly Anchorages." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 217, "Bus Window Retention and Release." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 221, "School Bus Body Joint Strength." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 222, "School Bus Passenger Seating." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 301, "Fuel System Integrity." |
Federal Motor Vehicle Safety Standard No. 304, "Compressed Natural Gas Fuel Container Integrity." |
|
ได้กลิ่นอายของ ความคุ้มครอง การปกป้องจากกฎหมายที่สัมผัสได้ของเขาบ้างหรือยัง ? |
|
|
แล้วในบ้านเราละ ? |
การทำสิ่งที่ คิด ให้เป็นจริง ทำไมจึงล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ ? |
|
กระทู้ร่วมแสดงความคิดเห็น ตั้งคำถาม ให้กำลังใจ เสนอแนะ ให้ข้อมูล เรื่องเกี่ยวกับคนพิการ |
|
ทางข้ามถนนสำหรับทุกคน Foot Path for All |
กรุงเทพและเมืองใหญ่ ควรสร้างทางข้ามถนนที่ทุกคนข้ามได้ |
เพราะเดี๋ยวนี้ คนที่เจ็บป่วย คนท้องแก่ คนที่ขาไม่มีแรง หรือคนที่ต้องนั่งรถเข็นทั้งเด็กน้อยและผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นแบบถาวรหรือชั่วคราว ไม่สามรถข้ามสะพานลอยที่มีอยูได้ คนกลุ่มดังกล่าวต้องขึ้นแท็กซี่ หรือรถส่วนตัว ต้องจ่ายแพงกว่าคนที่ร่างกายแข็งแรงเดินได้ตามปกติ(รวมทั้งคนตาบอดที่เดินเก่ง) ทั้งเงิน ระยะทาง และเวลา ประเทศชาติต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้น รถติดมากขึ้น ก่อมลพิษทางเสียง และอากาศที่เป็นพิษมากขึ้น |
แต่ถ้าสร้างทางข้ามถนนสำหรับทุกคน โดยยึดหลัก Design-For-All หรือ Universal Design ให้ทุกคนใช้ได้แล้ว |
ทุกคนจะสามารถข้ามถนนได้เหมือนๆ กัน ด้วยค่าใช้จ่าย พลังงาน เวลา ความสะดวกสบาย ที่ใกล้เคียงกัน เป็นการลดการใช้พลังงาน ช่วยลดปัญหารถติด ลดควันพิษ ลดปัญหาเสียงดัง ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งรวมแล้วจะลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวของประเทศเรา(เพราะแค่จะข้ามถนนก็ต้องวิ่งไปไกลแสนไกล) |
หมายเหตุ - ยกเว้นให้วีลแชร์ที่ขึ้นบันไดได้ไว้ก่อนนะ เพราะราคาเป็นล้าน แถมต้องนำเข้า และไม่แน่ว่าจะตกบันไดเมื่อไหร่ (ถ้าตกมาคนนั่งเจ็บตัวแน่นอน ส่วนจะพิการ หรือถึงตายหรือเปล่า ไม่อยากจะนึกถึง) แต่ถ้าอยากดูเพื่อเป็นบุญตาหรืแสวงหาแนวคิดใหม่ๆ ดูได้ที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dudaidudee&group=3 |
|
elderly accessibility in Bangkok
it's very difficult and almost impossible for elderly and handicapped folks to navigate around Bangkok, by foot.
The sidewalk is narrow and full of obstacles. Street vendors, uneven surface, protuded man-hole covers, electric and telephone poles, discarded tree stumps, dog excrement, etc. Very often, you have to watch out for errant motorcylces running on the sidelwalk, sneaking up from behind.
And the BTS has no respect for the elderly and handicapped people at all. No elevators nor escalators; no ramps, etc, at most station. A very limited number of stations has a token escalator and elevator.
The accessibility provisions should be mandatory for all government projects, no matter whether it's big or small projects. And all buildings should be required to provide effective and safe accessibility for elderly and handicapped folks. |
|
|
เพื่อเหนี่ยวนำให้ผู้อื่นเห็นประโยชน์ร่วมแล้วให้ความร่วมมือจนเกิด อภิจิต ซึ่งนำประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผลสู่ตนเอง และ สังคมที่เราอยู่ (เฮ้อ) !?! |
ถาม : ทำไมรัฐบาลเราจึงไม่อายในการไป ขอกู้เงิน จากญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ และขณะนี้ได้ทำอะไรบ้างเพื่อที่อนาคตประเทศจะมีศักดิ์ศรี คนไทยไปต่างประเทศกล้าพูดเสียงดังว่ามาจากThailand ! |
|
4-ในการทำงานระดับธุรกิจของเรา ประสิทธิภาพ และ คุณภาพ คือเป้าหมายของทุกฝ่าย เป้าหมายนี้ต้องอยู่เหนือความอยากสบายส่วนตน เหนือ ข้ออ้างข้างๆคูๆ และทุกคนในทุกระดับต้องถือเป็นหน้าที่ในการทำให้เป็นจริงให้ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น !
แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีไหมที่คนบางคน โดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ กำลังยึดความสบายส่วนตนมาเหนือเป้าหมายองค์กร โดยถือโอกาสที่องค์กรไม่มีเครื่องมือวัดประสิทธิภาพที่ชัดเจน ในการที่จะ--ไม่ทำ สิ่งที่ควรทำหากมี--ความคิดถูกต้องเที่ยงตรง |
และต่อไปนี้คือตัวอย่างในชีวิตจริงของการทำงานที่ทำให้ เป้าหมาย ไม่เป็น ผลอย่างเป็นรูปธรรม |
4.1-เรารู้ว่าการทำงานคุณภาพด้วยวิธีหนึ่งๆต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย บ่อยครั้งเราจะเห็นคนละเลยหน้าที่โดยคิดว่าคนอื่นไม่เห็น กว่าจะรู้ว่าเคยมีคนละเลยก็สายเกินไปจนถูกลูกค้าตำหนิ |
กรณีนี้ความล้มเหลวมาจาก การขาดวินัยและความซื่อสัตย์ |
4.2-เรารู้ว่าในการทำงานคุณภาพหนึ่งๆ กว่าที่จะปรากฏผลสำเร็จ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระกันและกัน กล้าลองผิด ลองถูก
บ่อยครั้งเราจะเห็นคนขีดเส้นเพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำอะไร ไม่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่เห็นปัญหาต่อหน้าต่อตาทุกๆวัน
|
กรณีนี้ความล้มเหลวมาจาก ความคดในความคิด ของผู้ที่มีส่วนร่วมบ่อนทำลายประสิทธิภาพรวม ! |
4.3-เรารู้ว่าวิธีทำงานที่มีเป้าหมาย ระยะยาว และ ระยะสั้น จะแตกต่างกัน และเป้าหมายระยะยาวมักจะยากกว่า (แต่มักจะยั่งยืนกว่า ต้องอดทนรอนานกว่าจึงจะเห็นผล) แต่คนไม่น้อยเลยที่มักเลือกความง่ายที่ฉาบฉวย และละเลยคุณค่าที่จำเป็น(ตามที่ Dr.Hill แนะนำ) |
ในกรณีนี้ความล้มเหลว--มาจากการขาดจุดยืนและความคิดถูกต้องเที่ยงตรง! |
4.4-เรารู้ว่าขบวนการ PLANDOCHECKACT ต้องสมบูรณ์ เป้าหมายจึงสำเร็จ บ่อยครั้งที่เราเห็นมีคนชอบรอปัญหาให้เกิดแล้วค่อยมาทำเป็นขยันมาแก้ ทั้งๆที่เคยเห็นตัวอย่างการเกิดปัญหาที่เป็น Pattern ในอดีตว่าหากไม่คิดล่วงหน้าด้วยการทำงานเชิงรุก ปัญหาจะเกิดแน่นอน บกพร่องในเรื่องเดิม ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แต่หัวหน้าของเขากลับปล่อยให้คนเหล่านั้นทำงานด้วยทัศนคติเดิมๆโดยไม่ดำเนินการใดๆที่แสดงว่า Hey , I do not approve your way ! We need efficiency here , no politics ! นั่นก็เหมือนการอ่อนข้อให้ต่อความเกรงใจ การเห็นแก่พวกพ้อง อยู่เหนือหน้าที่ที่ตนต้อง Commit ต่อองค์กร ต่อผู้ถือหุ้น ! |
กรณีนี้ความล้มเหลวมาจากการขาดความเป็นผู้นำและความเด็ดขาด |
|
|