สุดอนาถเด็กกำพร้าอิรัก ถูกทิ้งคาที่รับเลี้ยงเพียบ
 
แบกแดด (เอเอฟพี) — เด็กกำพร้าในอิรักถูกทิ้งคาสถานเลี้ยงดู อดอาหารผอมแห้งเหลือแต่ซี่โครง โชคช่วยทหารสหรัฐเข้าช่วยเหลือได้ทัน 23 ชีวิต 1 รายไม่รอด

 

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. สถานีข่าวซีบีเอสในสหรัฐ แพร่ภาพข่าวขณะที่ทหารสหรัฐเข้าช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งไว้รอความตายที่สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้าอัล-ฮานาน ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด เผยภาพชีวิตสุดเวทนาของเด็กๆ อยู่ในสภาพขาดอาหารอย่างหนัก ซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
รายงานของซีบีเอสระบุว่า เด็กๆ บางคนถูกล่ามไว้ที่เตียงไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ โดยหลายคนไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว บางคนเกลือกกลิ้งอยู่บนกองอุจจาระ
 
“ตอนแรกที่เห็น เรานึกว่าพวกเขาเสียชีวิตแล้วทั้งหมด” สิบเอก มิตเชลล์ กิบสัน กล่าว
 
“พวกเขาปาลูกบาสเกตบอลลูกหนึ่งเข้ามาหาเราเพื่อให้เราเห็น และตอนนั้นเด็กคนหนึ่งก็พยายามโงหัวขึ้นและ มองมาที่เรา พวกเราจึงเดินกลับไป โอพระเจ้าพวกเขายังไม่ตาย” สิบเอก มิตเชลล์ กล่าว
ทั้งนี้ ทหารสหรัฐพบเด็กชายกำพร้าทั้งหมด 24 คน โชคร้ายที่เด็กรายหนึ่งคาดว่าจะไม่รอดชีวิต เนื่องจากขาดอาหารอย่างหนัก อย่างไรก็ดี ไม่แน่ชัดว่าเด็กเหล่านี้ถูกทิ้งไว้นานเท่าไหร่แล้ว
 
“เด็กคนนั้นถูกแมลงวันนับพันตัวตอมอยู่ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย คุณรู้ไหมว่าเราพยายามจะช้อนศีรษะ เขาขึ้นเพื่อดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่” สิบเอก มิตเชลล์ กล่าวและว่า ในที่สุดเด็กผู้นี้ก็เสียชีวิตแล้ว ดวงตาไม่ขยับ และภายในปาก หู และจมูก เต็มไปด้วยแมลงวัน
ซีบีเอสรายงานด้วยว่า เป็นที่น่าประหลาดใจเมื่อในส่วนสำนักงานของผู้ดูแลนั้น พบว่ามีเสบียงอาหารมากมาย รวมทั้งเสื้อผ้าด้วย
 
ด้านนายกรัฐมนตรี นูรี อัลมาลิกี ประกาศว่าจะสอบสวน และนำตัวผู้รับผิดชอบสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้มาลงโทษ ขณะที่ทางด้านกองทัพสหรัฐได้นำเด็กๆ เหล่านี้มาดูแลรักษาแล้ว
 
สิ่งที่เห็นนี้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลมาจากความคิด และการกระทำของผู้ใหญ่
 
บังเอิญเป็นเหตุการณ์ที่สุดโต่ง เราจึงเห็นผลต่อเด็กได้ชัด และ"รู้สึกอนาถใจอย่างยิ่ง"
 
แต่หากเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สุดโต่งอย่างนี้ อย่างที่เกิดกับงานของเรา เช่น ความไร้วินัย ความไม่ตระหนักในศิลธรรม ความไม่ตระหนักในคุณภาพของคน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งละ? เราจะมีความรู้สึกอนาถใจน้อยลง หรือที่ลูก - หลานของเรา เสียโอกาสที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาควรจะได้รับหากบริษัทเราเข้มแข็งกว่านี้
 
จำเป็นหรือที่เราต้องรู้สึก "อนาถใจ" เฉพาะเมื่อเห็นภาพข้างต้นนั้น ?
 
 
 
   
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 21-6-07