จตุคามรามเทพ  Universal God  ยุค “เทพ”  เบียดแทรก  “พระพุทธเจ้า”

 
 
โดย  - ปริญญา  ชูเลขา
 
พิธีพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.ต.ขันพันธรักษ์ ราชเดช หรือนายบุตร  ราชเดช ณ เมรุวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ คลาคล่ำไปด้วยผู้คนในพิธี...เจ้าตำนานผู้ปลุกเสก “จตุคามรามเทพ” และมือปราบโจรมือหนึ่งของเมืองนครฯ
 
เนื่องจากบัดนี้ได้เกิด “จตุคามฟีเวอร์” ขึ้นในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว “เป็นการเปลี่ยนปรากฏการณ์ จากการสร้างพระพุทธรูปมาเคารพบูชาของ “เกจิอาจารย์” ชื่อดัง ไปสู่การ สร้าง “เทพ” เพื่อเคารพแทนแสดงให้เห็นว่าคนในสังคมกลายเป็น “คนไม่มีที่พึ่งแล้ว”
 
 
เป็นคำอธิบายจาก นพ.บัญชา พงษ์พานิช  นักประวัติศาสตร์จังหวัดนครศรีธรรมราช   “จตุคาม ได้เติมเต็มให้กับคนที่มักง่ายโหยหา คือขออะไรก็ได้ทั้งหมดก็เลยกลายเป็นคนที่เลอะเทอะกันไปหมด  อีกไม่นานพระพุทธศาสนาจะน่าเป็นห่วง”
 
ทั้งที่ท่านพระพุทธทาส เคยกล่าวไว้ว่า “แผ่นดินวัดพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คนมาพระธาตุเพราะความศักดิ์สิทธิ์ ทุกเม็ดทรายซึมซับความบริสุทธิ์ แต่อย่าให้พระพุทธรูปมาบดบังพระพุทธเจ้าและอย่าให้จตุคามมาบดบังพระธาตุหรือพระพุทธเจ้า”
 
หมอบัญชา  บอกอีกว่า ก่อนขุนพันธ์ จะสิ้นลม มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของตำนานองค์แห่งความเชื่อใหม่ว่าเดิมที จตุคามเป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกในรอบประวัติศาสตร์ที่ไต่ราคาหลักสิบ  มาถึงหลักล้านบาท ในช่วงเพียงไม่กี่ปี  ทั้งๆที่ จตุคามเป็นเพียง “เทพ” เฝ้าทวารประตู “พระบรมธาตุ” เท่านั้นไม่ใช่  “พระ” ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ได้รับการบูชากันก่อนหน้านี้
 
 
...กระแส “จตุคามฟีเวอร์” หมอบัญชาเล่าว่า เหตุที่ “เทพ” องค์นี้ทำให้คนหลงใหลคลั่งไคล้กันมากมายขนาดนี้  เพราะมีการเสริมสร้างและให้ความหมายให้จตุคามเป็น “Universal God” หรือ “เทพที่ขออะไรก็ได้” จากฝีมือคณะผู้จัดทำคือ ขุนพันธ์ กับ พล.ต.ท.สรรเพชร  ธรรมาธิกุล
 
ทั้งนี้ คนที่คลั่งไคล้ก็ยังมีการต่อเติมความหมายเข้าไปอีก ไม่ว่าเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นานา ทั้งที่รุ่นแรกที่สร้างขึ้น  พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ กับคณะได้ประกาศสถาปนาว่า จตุคามเป็นเทพที่จะขออะไรก็ได้ ไม่เหมือนกับพระเกจิอื่นๆ หรือแม้แต่ขุนแผน ที่ขอพรได้เฉพาะเจาะจงเท่านั้น
 
ในการสร้างจตุคาม  ครั้งนั้นจะใช้คำว่า  “เทวาภิเษก” ไม่ใช่ “พุทธภิเษก” เพื่อเป็นการยืนยันของคณะผู้ปลุกเสกว่า จตุคาม ไม่ใช่พระ แต่เป็นเทพ ซึ่งในการให้ความหมายนั้นเริ่มกันตั้งแต่ตำนานขุนพันธ์  ปราบโจรเก่งกาจ ที่มีชื่อเสียงด้านไสยศาสตร์อันเลื่องลือไม่รู้จบ  พร้อมกับพระเกจิชื่อดังต่างๆ เข้ามาร่วมพิธีกับคณะปลุกเสกมากมาย ไม่เท่านั้น ยังมีเรื่องเล่าขึ้นถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์แบบปากต่อปากกันไปทั่ว
 
หมอบัญชาบอกว่า ในปัจจุบันการเล่าตำนานจตุคามกำลังผิดเพี้ยน มีการสร้างเสริมเติมแต่งไปกันใหญ่เพื่อให้สอดรับจตุคามฟีเวอร์  เช่น จตุคามเป็นพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ผู้ก่อสร้างพระบรมธาตุ  มาเกิดหรือบ้างเล่าขานกันว่า จตุคามเป็นพระโพธิสัตว์
 
แต่จริงๆ แล้ว จตุคาม เกิดขึ้นด้วยขุนพันธ์ และ พล.ต.ท.สรรเพชร ร่วมกับคณะจัดทำปลุกเสกวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อหารายได้มาทำกิจสาธารณะ นำเงินบางส่วนมาซ่อมแซมเจดีย์และวัดวาอารามเท่านั้น
 
 
 
...พิธีกรรม – ราคาฉุดความคลั่ง   เหตุปัจจัยที่สร้างคุณค่าให้จตุคามโด่งดังคลั่งไคล้จนราคาพุ่งกระฉูดเฉียดแสนภายในไม่ถึง  10 ปี ก็คือ “พิธีกรรม” ในการปลุกเสกคือ “พระบรมธาตุ” และ “หลักเมือง”  เพราะจะเป็นการนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่ปกป้องปกปักษ์รักษาพระบรมธาตุทั้งหมดมาบำรุงอยู่ใน “องค์จตุคามรามเทพ” เพียงองค์เดียว เช่น ท้าวเวรุฬราชกับท้าวเวสสุวัณ,ท้าววิรุฬปักษ์์กับท้าววิรุฬหก, พระพุทธบาทจำลอง  และพระนารายณ์กับพระพรหม
 
ทั้งนี้ ในงานวันปลุกเสกเมื่อสมัยที่ขุนพันธ์ยังมีชีวิตอยู่มีคนดังในแวดวงพระเครื่องจำนวนมากมาชุมนุมกันจนเกิดการปลุกเสกกันแล้วกว่า  50  รุ่น ปลุกเสกกันวันเว้นวัน
 
ทั้งที่รุ่นแรกที่ขุนพันธ์ และ พล.ต.ท.สรรเพชร สร้างขึ้นมีอยูแค่ 2 รุ่นเท่านั้นคือ “รุ่นหลักเมือง” และ”รุ่นบูรณะเจดีย์ลาย” เป็นรุ่นที่ราคาซื้อขายกันในขณะนั้นแค่  30  บาท....แต่ตอนนี้ราคาพุ่งพรวด
 
“บางรุ่นที่ยังไม่ได้ปลุกเสกกันเลยแค่ได้ใบจองราคา  100  บาท คนแห่กันไปซื้อใบจองหมดแล้ว  ต้องไปซื้อใบจองใหม่  แต่พอของออกมามีการปลุกเสกเสร็จแล้ว ราคาเฉพาะใบจองสูงขึ้นทันทีเป็น 300 – 500 บาท พูดง่ายๆ คนมันตาลุก”
   
สิ่งที่น่ากลัวอยู่ขณะนี้จากความฟีเวอร์จตุคามรามเทพ  คือคนนับถือเทพ มากกว่าพระพุทธเจ้า เป็นการเคลื่อนตัวของความเชื่อ จากอกุศลมูลของมนุษย์ คือ โลภะ โทสะ และโมหะ แม้ในอดีตพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า “ไม่ให้เคารพบูชาพระพุทธรูปหรือเทวรูป”
เป็นการเชื่อเทพ มากกว่าคำสั่งสอนพระธรรมของพระพุทธเจ้า
 
 
 
 
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ TODAY 23-2-07