THE NAPOLEAN HILLS LAWS OF SUCCESS |
|
Dr. Napolean Hill |
ตอนที่ 2 : ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของเรา |
ผู้ชนะไม่เคยยอมจำนน ผู้จำนนไม่เคยชนะ ! |
Dr. Hill พบว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคของมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความกลัว เพราะความกลัวต่างๆชนิดกันนั้นมันทำให้เรา หยุด ตัวเราเองก่อนที่คนอื่นจะหยุดเราด้วยซ้ำ ! บ่อยครั้งความกลัวที่เรามีนั้น ถูกยัดเยียดให้จากคนด้วยกันเอง ทั้งคนใกล้ชิดที่หวังดี หรือจากคนอื่นๆที่หวังประโยชน์จากการที่เรากลัว |
Dr. Hill ได้แบ่งความกลัวออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ : |
1-ความกลัวความยากจน |
มนุษย์แบ่งชนชั้นกันด้วยความ มี มานานแล้ว เพราะ การมี หมายถึง สถานะทางสังคมที่ดีกว่า ความเป็นอยู่ที่ดีกว่า |
![]() ![]() |
Dr. Hill ไม่ได้บอกว่าเราต้องปฏิเสธความเป็นจริงหากเราเป็นคนยากจน และก็ไม่ได้บอกว่าต้องทนอยู่กับความจนไปตลอดชีวิตแม้ใจเราอยากหลุดพ้นจากมัน แต่บอกว่า-เราไม่ต้องกลัวมันต่างหาก |
เราต้องไม่กลัวถึงขนาดห้ามสมองคิดและสร้างความฝันของตนเองแม้เราจะยากจน ! | |
เราต้องไม่กลัวความยากจนถึงขนาดที่แกล้งทำเป็นรวย เพราะนั่นทำให้เรายิ่งจน ! |
|
เราต้องไม่กลัวความยากจนถึงขนาดที่ลดทอน ศักดิ์ศรีความเป็นคน ของตนออกไปเมื่ออยู่กับ คนรวย ! สมองเราจะใช้ปัญญาคิดทำอะไรได้หากมีแต่ความกลัวครอบครองอยู่เต็มสมองตลอดเวลา ! ลูกหลานจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไรหากกลัวการเสียเงินในการส่งให้ลูกเรียนหนังสือ ! สมองของคนจะฉลาดที่สุดเมื่อมีความสงบนั้นจริงเสมอ ! |
|
( Be proactive-เรามีทางเลือกที่เราสร้างเองได้ไม่ว่าเราจะมี--หรือจน ) | |
2-ความกลัววัยชรา |
มนุษย์ถูกสอนด้วยคำสอนผิดๆหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องความรุ่งเรื่องของคนหนึ่งๆคือตอนที่อยู่ในวัยที่มีพละกำลังเท่านั้น ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มนุษย์เข้าใจผิดเพราะมนุษย์ในยุคโบราณต้องอยู่รอดด้วยการล่าสัตว์ซึ่งใช้พละกำลังเป็นหลัก ผู้ที่แข็งแรงกว่าจึงเป็นผู้ที่ปกครอง หลักฐานที่พิสูจน์คำกล่าวนี้ดูได้จากประวัติศาสตร์อารยธรรมของโลกที่กล่าวถึงผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ส่วนมากมักจะเป็นผู้ที่อยู่ในช่วงที่เข้มแข็งและดุดันด้วยพละกำลังทั้งสิ้น เช่น จูเลียส ซีซาร์ , อเลกซานเดอร์ มหาราช , นโปเลียน มหาราช เป็นต้น | |
![]() ![]() |
|
ด้วยความดิบ--ในมโนสำนึกของมนุษย์ในอดีต เมื่อความชรามาเยือน สัตว์แก่หรือมนุษย์ที่แก่จะถูกโค่นอำนาจและขับออกจากฝูง | |
แต่ความโชคดีของมนุษย์ที่มีเหนือกว่าสัตว์อย่างหนึ่งคือมีการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องที่ทำให้เราสะสมบทเรียนชีวิต และเราได้เรียนรู้ว่า ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั้นจะต้องประกอบไปด้วยการประสานกันของ กำลังกาย และ ประสบการณ์ สังคมที่จะยั่งยืนจะต้องมีคนหนุ่มสาวที่มีพลังทำงานอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ขณะเดียวกันต้องมีประสบการณ์จากผู้อาวุโสด้านวิสัยทัศน์ ข้อมูล สังคมจะมีแต่ความขัดแย้งถ้ามีแต่ความเลือดร้อนของคนหนุ่มสาว ในขณะความสุขุม ความฉลาดในการมองเห็นผลที่จะตามมาจากความเลือดร้อนนั้นทำให้สังคมน่าอยู่ สงบสุขมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ดีที่เราไม่ควรกลัวความชรา ! | |
ความกลัวที่ปราศจากความเข้าใจในมิติทางปัญญาที่กล่าวมาอาจทำให้คนบางคนแสดงตนในทิศทางที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ควรจนกลายเป็นความไม่เหมาะสม เช่นคนแก่พยายามแข่งขันด้านกำลังกับคนหนุ่มสาว คนแก่กำลังแข่งขันความสาวกับคนสาว ทั้งๆที่ความสุขุม ความเยือกเย็น ความมีสติของคนแก่ก็สวยงามได้ แต่ตัวเองมองไม่เห็นคุณค่าของตนเอง! | |
อีกเหตุผลหนึ่งที่มนุษย์กลัวความชรา เพราะกลัวความตายที่กำลังย่างกรายมา !
|
|
แต่ในเมื่อ การตายเป็นอย่างไรก็ยังไม่มีใครรู้จริง จะมีก็แต่คำสอนทางศาสนาที่พูดเรื่องไฟนรก ฉนั้นจะกลัวในสิ่งที่ไม่แน่ชัดทำไมในเมื่อสิ่งที่แน่ชัดกว่าคือเราต้องมีชีวิตอย่างมีความหมายทั้งต่อตนเองและลูกหลาน ต้องมีความสุขสงบ และต้องสร้างสรรค์ตราบใดที่ยังหายใจ ! ความกลัวทำให้ชีวิตหดหู่ ขาดพลัง ( โจนาธาน นางนวล : นางนวลบางตัวอายุสั้นก่อนที่จะตายเสียอีก , สวรรค์ก็คือการมีชีวิตอยู่กับความเป็นจริง อยู่อย่างไม่มีการขีดเส้นจำกัดอิสรภาพทางความคิดของตนเอง !) ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย เราควรจะยิ้มรับมันอย่างคนที่มีศักดิ์ศรี ! |
3-ความกลัวสูญเสียความรัก |
![]() |
อาการของคนที่มีความกลัวชนิดนี้คือ ความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ความอิจฉาริษยา การแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของต่อคนที่ตนรักอย่างเกินพอดี การแข่งขันกันอวดรวยเพื่อแย่งคนรัก หรือการกระทำที่ไร้สาระต่างๆที่ทำให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปเพียงเพื่อรักษาความรักไว้ ตลอดจนการทำลายชีวิตของใครต่อใคร |
หากพูดถึงการสร้างความสำเร็จในชีวิตแล้ว ความรักควรจะเป็นเพียง ส่วนหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ไม่ใช่ว่า ความรักคือชีวิตทั้งหมด หากสูญเสียความรักไปแล้ว เรายังมี ความเจริญในหน้าที่การงาน ความเป็นส่วนตัวในชีวิตตนเองที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กันกับชีวิตคู่ การทำประโยชน์ให้สังคมที่ยังมีผู้ด้อยโอกาสที่รอความช่วยเหลือที่ชีวิตคู่จะกีดกันไม่ให้เราทำอย่างเต็มที่ได้ (ดูอุปนิสัยที่ 2 ของเรื่อง 7-Habits ตอนการมีศูนย์กลางชีวิตที่หลักการแทนการวางศูนย์กลางอยู่ที่คู่ครอง ) | |
4-ความกลัวที่เกิดจากการป่วย พิการ | |
อาการที่พบได้ของคนที่ป่วยคือหดหู่ ท้อแท้ คิดถึงแต่เรื่องที่ชีวิตตนจะสั้น ชีวิตทุกชีวิตมีค่าเกินกว่าการนั่งรอความตาย หากต้องตาย เราควรตายอย่างมีเกียรติด้วยการยิ้มให้กับมัน แต่อย่าหยุดคิดหรือทำสิ่งที่เราเคยตั้งใจ ! |
|
ดู Lance Armstrong นักแข่งจักรยานมาราธอนเป็นตัวอย่างที่เป็นมะเร็งแต่สามารถเอาชนะมะเร็งด้วยการเป็นแชมป์มาราธอน TOUR DE FRANCE 7 ปีซ้อน จนผู้จัดการแข่งขันไม่เชื่อ ต้องจับตรวจโด๊บ แต่ไม่พบอะไร ทั่วโลกจึงทึ่งที่เขาเอาชนะด้วยความทรหดและความเด็ดเดี่ยวของเขาแท้ๆ !! | ![]() |
![]() |
ดู Terry Fox ชาวแคนาดาที่ตอนอายุ 18 ปี แพทย์ตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งในกระดูกขา แพทย์ต้องตัดขาขวาที่ตำแหน่งเหนือเข่า 15 ซม. ในปี 1977 ในขณะที่อยู่โรงพยาบาล เขาสะเทือนความรู้สึกมากที่เห็นทั้งเด็กเล็ก และคนทุกวัยที่มีความทุกข์แสนสาหัสจากโรคมะเร็ง เขาตัดสินใจตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยการวิ่งมาราธอนไปทั่วประเทศแคนาดาโดยตั้งชื่อการวิ่งครั้งนั้นว่า THE MARATHON OF HOPE ที่เขาเริ่มต้นในเดือน เมย. ปี 1980 |
เขาวิ่งได้ระยะทางไกลถึงกว่า 5,300 กม. จนกระทั่งวันที่ 1 มิย. ปีถัดมา ขณะที่วิ่งมาถึง แค้วนONTARIO เขาถูกหมอสั่งหยุดวิ่งเพราะมะเร็งกระจายไปที่ปอดจนขั้นสุดท้าย และทั่วโลกต้องเศร้าโศกเมื่อเขาเสียชีวิตด้วยอายุเพียง 22 ปี เมื่อวันที่ 28 กค. 1981 !! |
ตัวอย่างเหล่านี้คือตัวอย่างของนักสู้ที่แท้จริงที่ใช้ชีวิตป่วยอย่างมีเกียรติ และมีค่าต่อคนทั้งโลกมากว่าคนปกติหลายคนเสียอีก !!! |
5-ความกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ |
คนจำนวนมากมักจะคิดไปต่างๆนาๆว่าหากทำอะไรสักอย่างแล้วคนอื่นจะตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์ว่าเราควรทำอย่างที่เขาเห็นว่าเหมาะสมกว่า ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่กล้าเสี่ยง ล้มเลิกความตั้งใจของตนเสีย ผลคือทำให้ตนเองขาดโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเอง ถูกปิดกั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย |
ทำไมอิสรชนคนหนึ่งจึงไม่สามารถทำสิ่งที่เขาคิดอยากลอง ทำไมอิสรชนต้องจำกัดอิสรภาพของตนเอง และทำไมอิสรชนต้องสนใจความคิดของคนอื่นด้วย (แม้จะไม่เป็นสิ่งผิดกฏหมาย , ศีลธรรม) ทำไมอิสรชนจึงไม่ใช้ชีวิตของตนให้คุ้มค่าที่สุดโดยการกล้าลองผิดลองถูก เพราะการลองผิดลองถูกทำให้เกิดประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ ? |
มีตัวอย่างชีวิตของผู้ที่ต้องทำงานหนักตั้งแต่เด็ก แล้วประสบการณ์ความลำบากได้สอนให้เขาแกร่ง มีความมั่นใจในตนเอง และกล้าทำสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ไม่ย่อท้อต่อความล้มเหลวง่ายๆเหมือนเด็กผู้ดีที่ถูกประคบประหงมจนเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานไม่เป็น เจองานยากนิดหน่อยก็ท้อแท้ง่าย ขาดทักษะในการเข้าใจเพื่อนร่วมงาน ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์หน่อยก็เสียศูนย์ ! |
![]() |
Thomas Edison ถูกไล่ออกจากโรงเรียนประถมเพราะช่างซักช่างถาม ไม่ยอมเรียนในกรอบที่ครูวางไว้ให้เหมือนเด็กอื่นๆ ครูจึงลงความเห็นว่าเขาเป็น เด็กเหลือขอ ไม่มีวันเอาดีได้ แต่แม่ของเขาไม่คิดเช่นนั้น แม่ของเขาสอนหนังสือแก่เขาเองที่บ้าน เขาต้องทำงานหาเงินตั้งแต่อายุ 13 ด้วยการขายหนังสือพิมพ์ตามสถานีรถไฟ ต่อมาเขาขอเช่ามุมเล็กๆบนรถไฟเพื่อออกหนังสือพิมพ์ของเขาเอง |
และเนื่องจากเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นมากเกินคนในวัยเดียวกัน เขาจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งบนรถไฟเพื่อทำเป็นห้องทดลองวิทยาศาสตร์ตามที่เขาชอบ มีคราวหนึ่งที่ทดลองเกี่ยวกับสารฟอสฟอรัสซึ่งสามารถติดไฟได้ เขาทำพลาดจนทำให้เกิดไฟไหม้รถไฟ เขาถูกพนักงานตรวจตั๋วตบอย่างแรงที่หูข้างซ้ายจนหูหนวกตั้งแต่นั้น ! |
|
ในช่วงนั้นทุกคนลงความเห็นว่าเขาเป็น ตัวปัญหาที่เอาดีอะไรไม่ได้ซักอย่าง เป็นคนพิการ ไม่มีอนาคต ! |
เขาไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจในการทดลองด้วยตนเอง เพื่อตอบคำถามในใจของเขาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์รอบตัวเขา เขาย้ายห้องทดลองออกจากรถไฟมาที่บ้าน และเริ่มทำการทดลองตามที่อยากรู้ เขาเชื่อว่าหากปล่อยไฟฟ้าเข้าไปในตัวกลางที่เหมาะสม จะทำให้เกิดแสงสว่างได้ เขาทดลองกับทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวตั้งแต่เส้นผมของเขา ของเพื่อน ของสัตว์พันธุ์ต่างๆ จนไปถึงเส้นลวด เยื่อไผ่ ก่อนจะได้วัสดุที่เขาคิดว่าดีที่สุดในเวลานั้นคือลวดที่ทำจากทังสเตน ที่ให้แสงสว่างได้นานหลายชั่วไมง มีการบันทึกกันว่ากว่าจะพบลวดทังสเตนนี้ เขาลองผิดลองถูก ล้มเหลวนับได้เป็นพันครั้ง ! ในช่วงก่อนที่จะพบลวดทังสเตนนี้ คนที่รู้จักเขาต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาเป็นบ้าผิดปกติ ไม่ยอมทำมาหากินเหมือนชาวบ้านทั่วๆไป ! |
นอกจากค้นพบวิธีผลิตหลอดไฟแล้ว ต่อมาเขายังประดิษฐ์เครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องแรกของโลก และเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายร้อยชนิด ! |
โลกจะมืดไปอีกนาน หากไม่มี หลอดไฟของ Edison |
ความไม่กลัวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ของ Edison ทำให้ใจของมนุษย์สว่างขึ้นจากความมืดบอด ! |
คนอเมริกันตาสว่างก่อนคนทั้งโลก มีความเจริญก้าวหน้าทิ้งห่างประเทศอื่นๆตั้งแต่ไก้โห่ ! |
จงอย่าได้หวาดกลัวต่ออุปสรรค ขอให้จำไว้ว่าว่าวแห่งความสำเร็จ จะลอยขึ้นไปสู่ที่สูงได้ ....ก็ต่อเมื่อมันต้านลมปะทะเท่านั้นไม่ใช่ลอยตามลม ! |
ค้นพบ ความกลัว ที่คอยหยุดรั้งคุณไว้แล้วใช่ไหม อย่างน้อยคุณจะมีความกล้าที่จะลองผิดลองถูก รู้จักตนเอง มั่นใจในตนเองไม่ว่าคุณจะเป็นใคร รับรู้ความไม่สมบูรณ์ของตนด้วยรอยยิ้ม ตอนหน้าเราไปดูวิธีสร้างความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งกันดีไหมครับ ? |
............................................................................................................. |