TQM-สิ่งที่เราเรียนรู้มาแล้วในชั้นอนุบาล

 
7-Habits of Highly Effective People ของ Stephen R. Covey เป็นหนังสือขายดีมากเมื่อ 15 ปีก่อนที่เริ่มตีพิมพ์ฉบับแรก และขายดีตลอดมาจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังสร้างงานให้กับสถาบันพัฒนาตนเองของ Covey ที่ชื่อว่า FranklinCovey ในการอบรมแก่พนักงานต่างๆทั่วโลก มีรายได้ปีหนึ่งๆหลายร้อยล้านเหรียญ

 

ต้องบอกว่ามันต้อง “เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่” อย่างมากที่ทำให้คนทั้งโลก “ต้องให้ความสนใจ” จนนำมันมาใช้ในการบริหารบุคคลในองค์กรชั้นนำทั่วโลกได้ขนาดนั้น !

ถึงกับสามารถสร้างกระแส “หวาดวิตก” ว่าหากองค์กรไหนขาดมันไปละก็ เตรียมตัวรับมือกับหายนะได้เลย !
ค่าอบรมโครงการบริษัทหนึ่งๆจึงเป็นเงินหลักล้านเหรียญขึ้นไป !

 
บางบริษัทก็สำเร็จ บางบริษัทก็ “ล้มเหลว” (เหมือน Balanced Scorecard ในหลายบริษัท ที่ผู้บริหารติดกับดัก “เปลือก-ความต้องการผลทางธุรกิจ-KPI-KRA” ที่ถูกจัดลำดับให้อยู่เหนือ  “แก่น-ความอยากมีส่วนร่วมอย่างเต็มใจจากพนักงาน” และ “ความใจร้อนอยากได้เห็นผลเร็วๆ”)
เมื่อดูเนื้อหาไส้ในของ  7-Habits of Highly Effective People (จากนี้ไปจะเรียกย่อๆว่า 7-Habits) จะประกอบไปด้วย 3 เรื่องใหญ่ :
1-การพัฒนาส่วนตนเพื่อให้มี “ศักยภาพ” ที่สูงขึ้น (อย่าพอใจในการหยุดอยู่กับที่ หยุดพัฒนา)
2-การพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน (สัมพันธภาพที่ดีเท่านั้นจึงจะนำ Synergy มาให้) และ
3-การทำให้เกิดความต่อเนื่อง
 

หรือ คำเชิญชวนให้คนซื้อหนังสือว่า อ่านมันแล้วจะทำให้เราเข้าใจ 4 คำต่อไปนี้อย่างลึกซึ้งจนกระทั่ง “ยอมเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างถอนรากถอนโคน” จนนำประสิทธิภาพมาสู่ตนเอง และสังคมองค์กรที่เราอยู่ ดังนี้ :

1-Fairness (ความยุติธรรม)

2-Integrity (ศีลธรรม-คุณภาพของการอยู่ร่วมกัน)

3-Honesty (ความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น)

4-Dignity (ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์)

เหมือน Covey กำลังบอกเราว่า “พวกคุณช่างไร้เดียงสาจริงๆที่ไม่รู้ว่าคนเราจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อมี 4 ข้อนี้ในที่ทำงาน !”

 

เหมือน Covey กำลังบอกเราว่า “พวกคุณต้องจ้างผมให้มาสอนเรื่องที่คุณรู้อยู่แล้วตอนเป็นเด็ก เพียงแต่ว่ามันผ่านมานานเกินไปจนคุณลืมไปว่า-จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถจัดระบบระเบียบมันใหม่เพื่อให้มันกลับมาแสดงพลังในรูปของ-ประสิทธิภาพส่วนตน-ประสิทธิภาพส่วนรวม และ ความยั่งยืน” !

 
เหมือน Covey กำลังบอกเราว่า “แนวคิดที่ให้ประสิทธิภาพที่เราเคยมีในวัยอนุบาลในเรื่อง-ความจริงใจ-ความสามัคคี-การขันอาสาคุณครูช่วยงานของส่วนรวม-การให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมนั้น-ถูกคราบเลอะจากการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วย-อัตตาที่มากเกินไปจนกระทั่งบดบังปัญญาว่า-Synergy ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าต่างคนต่างทำไปคนละทางเสมอ !”

 

เหมือนที่คุณอนันต์เคยให้ของชำร่วยปีใหม่แก่เรานานมาแล้วที่เขียนว่า  “สิ่งที่ผู้ใหญ่จำเป็นต้องฝืนตนเองให้มากเวลาอยู่ในที่ทำงานนั้น แท้จริงแล้วก็คือต้องทำในสิ่งที่พวกเราถูกสอนตอนเป็นเด็กอนุบาลนั่นเอง นั่นคือ :อย่าแกล้งเพื่อน อย่างรวมหัวกันรังแกเพื่อน รักเพื่อน แสดงออกในการรักโรงเรียนของเราด้วยการรักษาความสะอาด เห็นสิ่งใดจะเป็นอันตราย-เสื่อมเสียต่อโรงเรียนต้องอย่างนิ่งเฉย อย่าแกล้งไม่เห็น ต้องช่วยกันแก้ไขหรือบอกครู”

“สะดุ้ง” ไหมครับ !

“คุ้นๆกับเหตุการณ์ในที่ทำงานในเรื่องใดบ้างที่กลับตรงข้ามกับสิ่งที่คุณอนันต์อยากให้เป็น
 

TQM ก็เหมือนกับสิ่งที่พวกเรารู้มาแล้วในโรงเรียนอนุบาล !

TQM คือหลักการทั้ง 3 ข้อต่อไปนี้ :

1-การให้ความสำคัญต่อความต้องการของลูกค้าเรื่องคุณภาพ (ถ้าเปรียบองค์กรเหมือนกับโรงเรียนของเรา-ที่จะได้ประโยชน์จากการซื้อซ้ำของลูกค้าเก่า ใช่ไหม ?)

2-การมีส่วนร่วมของคนทุกคน (ทุกคนถือเป็นความภูมิใจที่จะมีส่วนลงมือช่วยงานของโรงเรียนโดยที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน)

3-การพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง  (การช่วยกันตรวจตรารักษากฏระเบียบต่างๆให้ศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง )

 

TQM ที่มีชื่อดูไฮโซ น่าจะเป็นคนละชนชั้นกับ “เรา” นั้น

แท้ที่จริงก็เป็น “มนุษย์เดินดิน มีเจ็บป่วย หิว  มีศักดิ์ศรีความเป็นคน” เหมือนกับ “เรา” ทุกคน !

แท้ที่จริงก็คือเรื่องง่ายๆใกล้ตัวเหมือน 7-Habits นั่นเอง !

อ่านไส้ในแล้วจะรู้ว่าเป็นความจริง…และไม่ใช่เรื่องยาก !

 

ข่าวดีอย่างยิ่งก็คือ “องค์ประกอบ” ของ TQM กว่า 80% ฝ่าย QC ได้ทำมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทีละขั้นทีละตอน เพิ่มเติมวิธีทำงานปีละอย่างสองอย่าง โดยที่พวกเราไม่ทันสังเกต !

ลองมาดูว่า จริงไหม ?

 

TQM ประกอบด้วยเรื่องอะไร และเรื่องอะไรบ้างที่เราทำมาแล้ว ? :

TQM ประกอบไปด้วย 4 โครงสร้างหลัก (Module) และ 20 ข้อย่อยดังต่อไปนี้ :

โครงสร้างที่ 1-ความเป็นผู้นำ (Leadership):

1 -นโยบายของผู้บริหารระดับสูง (CEO)

2 -การยืนยันการทำนโยบายให้เป็นจริง

3 -การจัดการด้านระบบ

4 -การจัดการด้านบุคลากร

 

โครงสร้างที่ 2-สภาพแวดล้อมของการทำงาน (The work environment):

5 –การกำจัดและการเก็บวัสดุ

6 -สุขอนามัยและสุขภาพ

7 -ความปลอดภัย

 

โครงสร้างที่ 3-ระบบและเครื่องมือ (Systems and tools) :

8  -การสร้างมาตรฐาน

9  -การแก้ปัญหา

10-กลุ่มย่อยคุณภาพ (QC Circles)

11-การใช้สถิติ

12-การให้ความรู้และการอบรม

 

โครงสร้างที่ 4-การผลิตและการขาย (Production and sales) :

13-การควบคุมการผลิต

14-การควบคุมขบวนการผลิต

15-การตรวจสอบ

16-การจัดการภายในสถานประกอบการผลิตและการใช้อุปกรณ์

17-การวัด

18-การจัดการร้านค้าที่ส่งวัตถุดิบ

19-การบริการหลังการขาย

20-การออกแบบและการพัฒนา

 

ที่มา : สมาคมมาตรฐานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (Japanese Standards Association) ,
องค์การสหประชาชาติ สำนักพัฒนาอุตสาหกรรม (United Nations , Industrial Development
Organization)

 
เห็นไหมว่า ในบริษัทเรามีอยู่แล้วถึงกว่า 80% !
 
แล้วทำไมจึงต้อง TQM อีก ?

1-20% ที่เหลืออยู่นั้น ยังไม่ได้ทำงานตามหลักการ 3 ข้อ ของ TQM ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อ “คุณภาพ”
และ “ความยั่งยืน” อย่างมีนัยสำคัญ การขาดส่วนนี้ทำให้ธุรกิจมี “ความเสี่ยง” (เรือ LH กำลังมีรูรั่ว !)

2-80% ที่ “ดูเหมือน” จะมี TQM อยู่แล้วนั้น –ยังไม่ได้ทำอย่างมีระบบเต็มประสิทธิภาพเพียงพอ

3-แม้ได้ทำ 100% แล้วก็ตาม ท่ามกลาง “กระแสการแข่งขัน” และ “สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่
เสมอ (Dynamic) ” ก็ยังเรียกร้องให้ธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้ทันอยู่ตลอดเวลา (Competitiveness ,
Change , and Adaptation)

 

เมื่อเราได้เห็น “ความจำเป็นที่ต้องปรับตัว” เพื่อรักษา “ความสามารถในการแข่งขัน” แล้ว …

ลองถามตนเองว่า …

เราอยากทำอะไรไหม ?

เราจะแกล้งไม่เห็นไหม ?

 

เพราะ “พวกเราอยากช่วยกันรักษาโรงเรียน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ของเรา ด้วยการร่วมมือ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากตามที่คุณครูสอน” …

วิธีการที่จะทำให้เป็นจริงจึงเป็นเรื่องเล็ก อุปสรรคที่จะตามมาจึงเป็นเรื่องเล็ก !

 

เพราะ “พวกเราจะไม่แกล้งกัน สามัคคีกัน ไม่เกี่ยงกันว่ามันเป็นงานของใคร ขอให้ทำแล้วโรงเรียนสะอาด มีระเบียบ มีความเจริญก้าวหน้า เราก็ยินดีช่วยกันคิด แล้วลองทำตามที่คิดให้ดีที่สุด ทำผิดก็ลองเปลี่ยนใช้วิธีอื่น ไม่กล่าวโทษเพื่อน ร่วมกันเรียนรู้จากความผิดพลาด ตามที่คุณครูสอน” …

 

โอกาสที่ “เพื่อน-หัวหน้า” จะเลิกนิสัยชอบ “พูด” ตำหนิ (ไม่เคยช่วย “คิดแต่แรก” ไม่เคยช่วย “ระหว่างทำ” แต่รอให้ทำเสร็จแล้วค่อยมาแสดงละครบทตัวร้าย) เลิกรอหาจังหวะติ เวลามีคน “คิดนอกกรอบ และ ทำพลาด” และเปลี่ยนมาเป็น “การช่วยคิดช่วยทำ-ช่วยกันเสี่ยง-ช่วยกันเข็น” จึงเป็นจริงได้ไม่ยาก !

 

โอกาสที่จะได้คนกล้าเสี่ยงทดลองทำจนได้สิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม จนโรงเรียนมี  “ทางเลือก” หลากหลายในการแก้ปัญหา จึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับหลายๆคน !

 

โอกาสที่คนต่างฝ่ายกันจะสนับสนุนข้อมูลข้ามฝ่ายกันที่เป็นประโยชน์ พูดจาภาษาบวก “ฟังมากกว่าพูด” จนเกิด Synergy ในระบบจึงไม่ใช่เรื่องยาก !

 

โอกาสที่ทุกๆฝ่ายจะส่งงานที่ผ่านการกลั่นกรองถี่ถ้วนแล้วว่า “ดีที่สุดต่อโรงเรียนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” แก่ “ลูกค้าภายใน” จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ !

 

โอกาสที่ “เรา” และ “ผู้รับเหมา” จะช่วยกันปรับปรุงการทำงานที่ทำให้ต่างก็มี “ความต่อเนื่องในการทำ CEC-B-to-S” จนทั้งระบบมีประสิทธิภาพ มีความเชื่อใจกันและกัน (Trust) สูงขึ้น การรับมือกับ “ความผันผวน” จากเหตุการณ์ภายนอก จึงเป็นเรื่องหมูๆ !

 

โอกาสที่ “กลุ่มโครงการ”  และ “ฝ่ายที่อยู่ส่วนกลางทั้งหมด” จะทำงานประสานกันอย่างเต็มใจโดยไม่มี “อัตตา” มาขวางกั้น จึงไม่ใช่เรื่องเสียหน้า !

 
โอกาสที่การนำโครงการนำร่อง “โครงการต้นกล้า” ไปทำบ้างเพื่อขยายผลของความสำเร็จไปสู่ทั้งองค์กรจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ !
 
โอกาสที่โรงเรียนแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จะ “เติบใหญ่” และ “ยั่งยืน”ขึ้นอีกครั้ง  จึงไม่ใช่เรื่องที่ยาก !
 
 

 

เพียงเพราะด้วย…

“สิ่งที่เราเรียนรู้มาแล้วในชั้นอนุบาล-TQM” !
   
   
   
พิชัย  อรุณพัลลภ
Department of Quality Management
   

โปรดติดตามบทความแปลเรื่อง TQM อย่างต่อเนื่องใน WEB-QC จนกว่าผมจะแปลหมด 380 หน้า พร้อมทั้งขั้นตอนที่เรียบง่ายในการ Implement และ ปฏิบัติได้จริง  
I guarantee it !