30 วิธีเอาชนะโชคชะตา |
The Luckiest Man in the World |
โดย...บัณฑิต อึ้งรังษี
|
![]() |
Rule 29-ดูดี เหมือนคนโชคดี- |
เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่คนที่ดูดี หล่อ สวย ก็จะได้โอกาสดีๆ |
![]() |
ในชีวิตมากกว่าคนที่ไม่โดดเด่น คนอื่นก็ปฎิบัติต่อเขาหรือเธอดีขึ้น แม้ในเรื่องของการงาน การได้รับการเลื่อนขั้น การจ้างงาน ถ้าคนสองคนมีผลงานหรือความสามารถพอๆกัน คนที่ดูดีกว่าก็จะมีโอกาสมากกว่าที่จะได้งานนั้นไป (เรื่องนี้มีนักวิจัยอเมริกันทำการวิจัยออกมาอย่างเป็นระบบ ผลก็สนับสนุน Common sense ข้อนี้อย่างมากกว่าคนที่หล่อหรือสวยจะมีโอกาสเข้ามาในชีวิตมากกว่า) |
แต่การ ดูดี นั้นไม่ได้จำกัดกับคนที่เกิดมาหน้าตาดีเสมอไป เพราะคนบางคนหน้าตาโดยธรรมชาติดี แต่ไม่ดูแลตัวเอง หรือไม่ฉลาด ก็ไม่มีเสน่ห์ การ ดูดี เป็นคำพูดรวมๆ ถึง รูปร่างหน้าตา การแต่งกาย บุคลิกภาพ ความฉลาดเฉลียว ความสะอาด |
ถึงแม้บางครั้งคนที่หน้าตาปานกลาง แต่มีการแต่งกายที่ดี เหมาะสมกับตนเอง รู้จักดูแลตัวเองอยู่เสมอ ก็มีเสน่ห์ได้ ความฉลาดเฉลียว (หรือความไม่ฉลาด) ก็เป็นส่วนทำให้คนคนหนึ่งดูดีขึ้นหรือน้อยลงได้ ผู้หญิงบางคนเห็นหน้าแล้วสวยมาก แต่พออ้าปากพูดก็อาจทำให้คนฟังเบื่อทันที | ![]() |
ในทางกลับกัน คนที่หน้าตา ปานกลาง แต่มีความฉลาดเฉลียว น่าสนใจเป็นนักฟังที่ดี ให้ความสนใจอย่างจริงใจกับคนที่พูดคุยด้วย ทำให้ตัวเขาเป็นคนมีเสน่ห์ได้ เป็นผลอย่างมากต่อความ โชคดี การแต่งกายก็มีผลต่อ โชคดี เป็นเรื่องจริงที่คนส่วนใหญ่ยังดูคนที่การแต่งกายหรือสำนวนฝรั่งว่า judge the book by its cover และปรับกิริยาการโต้ตอบกับเราไปตามนั้น |
![]() |
ผมมีประสบการณ์ที่แย่ๆ ตอนมาอาศัยอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ตอนนั้นผมมีงานอยู่ที่หลายเมืองในอิตาลี แต่ใช้มิลานเป็นที่อยู่ ศูนย์กลาง มิลานเป็นเมืองที่คนอิตาลีส่วนใหญ่ไม่ชอบ เพราะไม่สวยและมีมลพิษเยอะ อยู่แล้วทำให้เราจิตใจเศร้าหมอง มีคนจำนวนมากที่เป็นชนชั้นกรรมกร มาจากหลายประเทศ เช่น จีน แอฟริกา ฯลฯ |
ทำให้เป็นเมืองที่ปากกัดตีนถีบแข่งขันกันมากสรุปแล้วเป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่ ผู้คนไม่ค่อยเป็นมิตรเหมือนบ้านเรา (เรื่องนี้ผมเห็นด้วย) อาจเป็นเพราะว่าคนจีนที่อยู่ที่มิลานส่วนใหญ่ ทำงานชนชั้นกรรมกร ทำให้เกิดการดูถูกจากคนอิตาลีมาก คนเอเชียอื่นๆ ที่มาอยู่ที่นั่น (รวมทั้งผม) ก็ถูกดูถูกเหมือนกันว่าเป็นคนจีนเพราะเขาแยกไม่ออก |
มีวันหนึ่งผมออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งตามถนน เป็นเพราะไปวิ่งเลยไม่ได้แต่งตัวเหมือนตอนไปทำงาน คือใช้เสื้อผ้าเก่าๆ อยู่ๆเกิดหิวขึ้นมาจึงเดินเข้าไปซื้อพิซซ่าขายเป็นชิ้นๆในร้านธรรมดา (ขายโดยเจ้าของร้านเอง ไม่ใช่เป็นพวกฟาสต์ฟู้ด) เจ้าของร้านแสดงกิริยาหยาบคายมาก เหมือนเราเป็นคนจน คราวนี้เรียกว่า โชคร้าย เพราะแต่งกายไม่ดี |
![]() |
เรื่องอย่างนี้ไม่ได้เกิดกับผมที่มิลานอย่างเดียว ตอนผมไปคอนดักต์ที่พาแลร์โม (Palermo) เมืองหลวงของแคว้นซิซิลี (Sicily) ซึ่งเป็นแคว้นที่ดังมากในเรื่องเกี่ยวกับมาเฟีย เป็นพื้นฐานของหนังเรื่อง The Godfather เมืองพาแลร์โมไม่ค่อยจะมีคนต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นคนอิตาลีพื้นเมือง มีวันหนึ่งผมเข้าไปทานอาหารในร้านอาหารท้องถิ่นแค่เปิดประตูเข้าไป ทุกคนในร้านก็มองมาเป็นตาเดียว เหมือนผมเป็นสัตว์ประหลาด |
วันนั้นก็แต่งตัวธรรมดาๆ ไม่ได้ใส่สูท แถมยังสั่งอาหารแม้เป็นภาษาอิตาลี แต่ก็มีสำเนียง การปฏิบัติของบ๋อยและเจ้าของร้านกับเราเป็นไปแบบเสียมิได้ |
ในกรณีนี้ผมแน่ใจว่า ถ้าผมแต่งกายดีๆ ใส่สูทโก้ๆ แน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ได้รับการปฎิบัติอย่างนี้ เป็นเพราะเราเป็น พลเมืองชั้นสอง จึงควรจะต้อง over-compensate (ทดแทนเกิน) ในเรื่องการแต่งตัวหน่อย |
สรุปแล้วคุณเพิ่มโชคได้โดยการตั้งใจเพิ่มพูนบุคลิกภาพ ทั้งการแต่งกายและรูปร่างหน้าตาทั้งสองอย่างนี้ (โชคและการดูดี) มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน
|
เห็นด้วยมากๆ แถมอีกสัก 3-4 สิ่ง นั่นคือ ภาพของ "คนยุคใหม่" |
ดังนี้ครับ : |
1. "ความมีมารยาท ความสุภาพ" เมื่ออยู่ในสังคม |
2.. "การมีวินัย" เช่นตรงต่อเวลา คนเข้าประชุมสายเป็นประจำ ยอมถูกตำหนิในใจ จากคนที่รอ อาจถูกมองว่า "ไม่รับผิดชอบ" หรือ "ไม่เคารพเวลาของผู้อื่น" หรือ "ทำตัวให้สำคัญขึ้นจากการที่คนอื่นต้องรอ" |
3. "ความมั่นใจในตนเอง" ที่แสดงผ่านการกล้าออกความเห็นต่าง ด้วยภาษาที่สุภาพ |
4. "ความคิดที่มีคุณภาพ" เช่น ใส่ใจต่อคนรอบข้าง ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม มีจิตสาธารณะ มี"จุดยืน" ที่ตั้งอยู่บนเหตุและผล! |
พิชัย
อรุณพัลลภ |
Department
of Quality Management |
![]() |
|