30 วิธีเอาชนะโชคชะตา
 
The Luckiest Man in the World
โดย...บัณฑิต   อึ้งรังษี
 
 
Rule 19 -- เป็น  “คนเก่ง” ทางด้านมนุษยสัมพันธ์- -

การเข้ากับคนได้ดี การทำตัวให้คนรักคนชอบ เป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันตลอดชีวิต เนื่องจากกฎข้อก่อนที่ว่า ส่วนใหญ่แล้วโชคดีของคุณจะมาจากคนอื่น ยิ่งคุณ “เก่ง” เรื่องมนุษยสัมพันธ์มากเท่าใด

คุณจะยิ่ง “โชคดี” มากขึ้นเท่านั้น

 

เรื่องมนุษยสััมพันธ์เป็น “ทักษะ” ที่พัฒนากันได้ คนที่ไม่เก่งก็จะเป็นคนเก่งได้ ถ้าตั้งใจ และไม่มีใครที่เก่งเกินไป ทุกคนพัฒนาเพิ่มเติมได้

[วิธีบางวิธีที่จะเก่ง ทางมนุษยสัมพันธ์ได้]

1.ปฎิบัติกฎทองคำ

กฎนี้เป็นกฎที่สำคัญที่สุดในปรัชญา มนุษยสัมพันธ์ของขาวตะวันตก กฎมนุษยสัมพันธ์ข้ออื่นๆ เป็นแค่ข้อมูลเสริมของกฎนี้ ถ้าก่อนที่จะทำอะไรทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่น เราแค่หวนคิดว่า “เราอยากจะให้เขาทำกับเราอย่างนี้หรือไม่นะ” ชีวิตนี้คุณจะ “โชคดี” ขึ้นอีกมาก
 
2.อ่านหนังสือของเดล คาร์เนกี*

“How to Win Friends and  Influence People” ** หนังสือเล่มนี้ยังถือว่าเป็นหนังสือคลาสสิกด้านการสร้างมนุษยสัมพันธ์

มีหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาการสร้างมนุษยสัมพันธ์อีกมากมายที่น่าอ่าน แต่ที่สำคัญคือ การปฎิบัติให้ได้ผลและทำบ่อยๆจนตนเองเก่ง

คุณลองสังเกตได้ว่า ถ้ามีคนคนไหนที่ไม่เก่งเรื่อง “คน” และการปฎิบัติกับคน เขาก็ไม่มีทางเป็นคนที่เราเรียกว่า “โชคดี” ได้ เพราะทำอะไรจะลำบากไปหมด โอกาสก็จะไม่มาเยีอนเพราะคนอื่นจะไม่ชอบมายุ่งกับเขา อย่าลืมครับ “โชคดีส่วนใหญ่ของคุณจะมาจากผู้อื่น”

ในโลกของคอนดักเตอร์กับวงออร์เคสตร้า ระดับนานาชาติ ผมได้รู้จักหรือเห็นคอนดักเตอร์มาแล้วในชีวิตเป็นพันๆคนมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป  แต่ข้อที่สำคัญที่สุดและทำให้สามารถทำนายได้เลยว่า คอนดักเตอร์คนไหน “ไปไม่รอด” คือ ถ้าวาทยกรคนนั้นมีปัญหาเรื่องมนุษยสัมพันธ์ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง อีโก้ คิดว่าตนเองเป็น “ของขวัญจากพระเจ้าสู้โลกแห่งดนตรี”
หน้าที่หลักของคอนดักเตอร์คือ การทำงานกับ “คน” (นักดนตรี) ไม่ใช่กับ “สิ่งของ” (เครื่องดนตรี) ในเมื่อคนนั้นไม่ “เก่ง” ในเรื่องคน ก็ยากที่จะก้าวหน้า ตัวผมเองก็ค่อยๆเรียนรู้ทักษะนี้พร้อมๆกับทักษะการเป็นวาทยากร
ในโลกของการทำงาน ทักษะมนุษยสัมพันธ์จะมีความสำคัญต่อความสำเร็จมากกว่า ความเก่งเฉพาะด้าน  ข้อนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งความสำเร็จหลายคน รวมทั้งผลงานวิจัยหลายชิ้นที่น่าเชื่อถือ และประสบการณ์  (ที่ค่อนข้างจะเจ็บปวด) ของผมเอง จริงๆแล้วคนทั่วไปและผู้จ้างส่วนใหญ่แม้กระทั่งนักดนตรีในวงออร์เคสตร้าเองก็ไม่รู้ว่าคอนดักเตอร์เก่งกับไม่เก่งแตกต่างกันอย่างไร เพราะวัดยากมาก ต้องดูกันนานๆ โดยผู้เชี่ยวชาญและคนที่มีประสบการณ์อยู่ในวงการมายาวนาน แม้กระนั้นคนในวงการส่วนใหญ่ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันไปเกี่ยวกับคอนดักเตอร์คนเดียวกัน หลังจากที่ผมทำงานมาเกือบ 20 ปี และกำกับมากกว่า 50 วงทั่วโลก
 
ก็สรุปได้ว่า ความสำเร็จของคอนดักเตอร์ 30 % มาจากความฉลาด ความรู้ ความเก่ง ในศาสตร์การเป็นวาทยากร แต่ 70 % มาจากความสามารถในการสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ร่วมงานทำงานได้ดีที่สุด ทั้งในการซ้อมและการแสดง ให้เขาใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้เต็มที่ และมีความรู้สึกว่า กำลังทำงานให้ “สิ่งประเสริฐ” สิ่งหนึ่งที่เรียกว่าดนตรี ไม่ใช่ทำงานให้ “อีโก้ของคอนดักเตอร์”
 
 
 
........................................................................................................
* Dale Carnegie (ค.ศ.1888-1955) นักเขียนหนังสือขายดีของอเมริกา

**มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว ชื่อว่า “ศิลปะการผูกมิตรและจูงใจคน” ม.ร.ว รมณียฉัตร แก้วกิริยา แปลและเรียบเรียง

 
 
 
อืม...ก็น่าจะใช่นะ คงจะดีไม่น้อยที่เราแยกแยะให้ออกว่า :
 
- ทำงานเพื่อ "ผลงาน" หรือ "อัตตาของตนเอง"
 
- การรู้จัก"ขอโทษ" เพื่อสร้างบรรยากาศ "ทีม" ที่ดีนั้น แสดงถึง "ความใจกว้าง" ไม่ใช่ "ความพ่ายแพ้" ซักหน่อย !
 
- การที่หัวหน้า "เปิดโอกาส" ให้ลูกน้องแสดงความคิดเห็น หรือชมเชย เมื่อความเห็นลูกน้องดีต่องานแสดงถึง "ความฉลาด" ของหัวหน้าในการที่จะได้รับ "ความคิดที่หลากหลาย และ เพิ่มทางเลือก" แทนที่จะดันทุรัง "เอาความคิดตนเป็นใหญ๋" จนลูกน้องกลายเป็น "ใบ้" ในที่ประุชุม
 
พิชัย  อรุณพัลลภ
Department of Quality Management