อาชีพชั่วประเดี๋ยว
ผลาญธรรมชาติเมืองกาญจน์ |
![]() |
|||
จังหวัดกาญจน์บุรี ถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าไม้มากที่สุด | |||
ของประเทศคือ 7.44 ล้านไร่จากข้อมูลทางสถิติพบว่า พื้นที่ป่าไม้เขตสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ เนื้อที่ประมาณ 234,167 ไร่ กำลังประสบปัญหาการบุกรุกทำลายป่าเพื่อต้องการพื้นที่ทำกินในท้องที่ อ.ไทรโยค ทองผาภูมิ สังขละบุรี และศรีสวัสดิ์ รวมทั้งการลักลอบตัดไม้ เก็บหาของป่าและล่าสัตว์ป่า. | |||
นอกเหนือจากกระแสนายทุนไต้หวันหว่านเม็ดเงินซื้อที่ดิน ส.ป.ก.ใน อ.ไทรโยค แล้วก็คือ กลุ่มนายหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบางราย อาศัยช่องโหว่กฏหมายเข้าไปในพื้นที่ของทางทหารที่ประกาศใช้ตามพระราชกฤษฎีกาทหาร พ.ศ.2481 ซึ่งมีอยู่ครึ่งเมืองกาญจน์ | |||
คนกลุ่มนี้อาศัยช่องว่างของกฎหมายเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ ขายผื่นป่าให้นายทุนนอกพื้นที่ โดยมีคำมั่นว่าจะหาทางช่วยเหลือให้ทำประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายได้ต่อไป | |||
ไม่กี่วันก่อน ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้รับการร้องเรียนว่า มีการขายเนื้อสัตว์ป่า แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็กลายเป็น " ข่าวลวง " ไปเสีย กลายเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออกเหมือนกัน | |||
![]() |
เพราะที่แจ้งว่าเป็นเนื้อเก้ง กวาง เลียงผา | |
กลับกลายเป็นการ "ย้อมแมวขาย" ที่แท้คือเนื้อวัวแช่เลือด ส่วนที่แจ้งว่าเป็น เนื้อกระจง ก็คือ กระต่ายจากฟาร์มเลี้ยง ซึ่งถูกตัดหูเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีแต่ของปลอมเท่านั้น เพราะเนื้อสัตว์ป่าของแท้ก็มีหลุดออกมาขายบ้างเป็นครั้งคราว | ||
เรื่องราวของ " อาชีพชั่วประเดี๋ยว " ที่สร้างปัญหาฉาวโฉให้คนเมืองกาญจน์ยังไม่จบแค่นั้นไม่ได้มีแค่การบุกรุกป่าสงวนหรือลักลอบขายเนื้อสัตว์ป่าเท่านั้น กล้วยไม้ป่าก็เป็นอีกหนึ่งของฝากจากเมืองกาญจน์ กลายเป็น "ของหายาก" ที่ผู้มาเยือนแทบทุกรายถามหา เพราะอยากจะได้ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากคนทางบ้าน | ||
สารพัดช่องทาง "หาเงิน" นอกกฎหมายแบบนี้เอง ที่ฉุดดึงให้ทรัพยากรธรรมชาติของจ.กาญจนบุรี หดหายลงไปเรื่อยๆ ประเด็นร้อนของวันนี้ก็คือ เรื่องไม้ท่อนที่รับซื้อกันข้างทางหลวงอยู่ดาษดื่นทั่วเมืองกาญจน์ | ||
ไม้พวกนี้เป็นไม้นอกประเภทหวงห้าม | ![]() |
|
ชาวบ้านตัดออกมาจากพื้นที่หัวไร่ปลายนา เอามา ชั่งกิโลขายไปทำปุ๋ยดีกว่าทิ้งเสียเปล่าๆยิ่งสาวลึกเข้า ไปก็ยิ่ง "เจอตอ" เพราะส่วนใหญ่จะเป็นไม้จากพื้น ที่ทหาร ซึ่งมีสภาพเป็นป่าอุดมสมบูรณ์มากคนตัด แสนยากจน แต่คนรับซื้อยิ่งรวยขึ้นไปอีก | ||
สงสารก็แต่คนจน ที่ต้องรับกรรมทั้งขึ้น | ||
ทั้งล่องเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องกลายเป็น เหยื่อนายทุนไปโดยปริยาย เพราะการเข้าไปตัดโค่น ต้นไม้ในป่า ถือเป็นการทำลายป่ามีความผิดและ ต้องรับโทษทางกฏหมายทั้งทางแพ่งและอาญา | ||
ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องทบทวนกับ "อาชีพชั่วประเดี๋ยว"และใส่ใจผลักดัน "อาชีพที่ยั่งยืน" หรือส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้เกิดขึ้นให้ได้ | ||
ถ้ามัวแต่เมามันกับ "อาชีพชั่วประเดี๋ยว" คงอีกไม่นานภัยพิบัติต่างๆ นานา อาจเกิดขึ้นที่เมืองกาญจน์ แล้วถึงเวลานั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ คนในกรมป่าไม้กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่กำลังจะรวมกันใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างนั้นหรือ | ||
คำตอบที่ถูกต้องคือ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ป่าไม้ ปกครอง ตำรวจ ทหาร ต้องร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันหาคำตอบ แล้วตอบออกมาให้ได้คะแนนเต็ม | ||
มิฉะนั้น คนรุ่นลูกหลานที่ต้องมานั่งตรวจคำตอบของท่าน จะหาคะแนนให้ไม่เจอ สุดท้ายทุกข์ก็เกิดกับคนตรวจ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนลูกหลานคนเมืองกาญจน์นั่นเอง !! "ศึกษากระแสแพรไพร จำได้เคยดื่นกลืนเมือง บัดเดี๋ยวเศรษฐกิจฟูเฟื่อง แพรเมืองกลืนสิ้น กลิ่นไพร" | ||
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ ทูเดย์ ฉบับวันที่ 12 กันยายน 2549 |
||