The Big Three กับสภาวะการณ์ที่ไม่คาดฝัน
(12-Dec-08)
ผลพวงจากวันวาน
คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า The Big Three หมายถึงเจ้าแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกาและของโลก ที่ประกอบด้วยยักษ์ใหญ่ GM , FORD , CHRYSLER ที่เพิ่งถูกสภาสูงของอเมริกาปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงิน 14,000 ล้านเหรียญเมื่อคืนวันที่ 11-Dec-08 มาหยกๆ
เป็นการปฏิเสธทั้งๆที่ทุกคนทราบดีว่าสภาพคล่องของ GM , CHRYSLER มีพอถึงแค่การหมุนเงินเพื่อจ่าย Suppliers และเงินเดือนพนักงาน ไม่เกิน มค. 09 ที่กำลังจะมาถึงในไม่กี่สัปดาห์ !
เมื่อถึงเวลานั้น หากไม่ได้เงินที่ขอไป ก็จำเป็นต้องเข้าสู่ขบวนการ Chapter-11 นั่นคือขบวนการคุ้มครองการล้มละลายนั่นเอง !
FORD อยู่ในสภาพที่ไม่ตึงเท่า 2 รายที่เหลือ แต่ยอดขายที่ลดลงในอัตราเร่งก็บ่งบอกว่าวันที่จะอยู่ในสภาพเดียวกับ 2 รายนั้นกำลังคืบคลานเข้ามา !
ความจริงนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ต้องลุ้นระทึกในการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล :
ครั้งแรกในเดือน พย. เมื่อ 3 MD ของแต่ละรายต้องบินไป Washington D.C. เพื่อให้คำชี้แจงต่อสภาล่างถึงความจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูก สส. ในสภาถล่มยับในเรื่องที่มีความชัดเจนของแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพน้อยมาก เหมือนมามือเปล่า มาเล่นๆ แล้วจะให้สภาอนุมัติเงินที่ขอให้ช่วยถึง 34,000 ล้านเหรียญ แถมยังนั่งเครื่องบินส่วนตัวที่สิ้นเปลืองกว่าการนั่งเครื่องบินพานิช 100 เท่า !
เป็นนัยว่า : “มีปัญหา แล้วยังไม่สำนึกผิด ยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย แถมไม่ทำการบ้านที่ดีพอกับการมาขอเงิน 34,000 ล้านเหรียญ !”
ยังไม่พอ ยังถูกเยาะเย้ยอีกว่า “ขากลับไปเที่ยวนี้ มีใครคิดจะขายเครื่องบินส่วนตัวหรือไม่ ?”
ครั้งที่สองเป็นการเข้าพบด้วยการนั่งเครื่องบินพานิช พร้อมกับรายงานว่าได้ขายเครื่องบินส่วนตัวไปแล้ว ที่มานี้เพื่อที่จะนำเสนอข้อมูลอย่างละเอียดตามที่สภาต้องการทราบ จนเป็นที่พอใจของสมาชิกสภาแล้ว ในที่สุดสภาล่างอนุมัติงบช่วยเหลือเพียง 14,000 ล้านเหรียญ หรือได้แค่ไม่ถึง 50% ของที่ขอไป !
ครั้งที่สามก็ยังถูกสภาสูงปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า “ไปเจรจากับสหภาพแรงงานให้ลดค่าจ้างให้อยู่ในอัตราเดียวกันกับอัตราของบริษัทญี่ปุ่นให้ได้ก่อน เพราะขืนปล่อยความช่วยเหลือไป แต่หากระบบการจัดการภายในยังมีประสิทธิภาพสู้ค่ายรถญี่ปุ่นไม่ได้ สุดท้ายก็ไปไม่รอดอยู่ดี อาจจะต้องกลับมาให้รัฐบาลช่วยอีก !”
 
ประสิทธิภาพที่สภาสูง Comment ไปก็คือ :
1-คุณภาพของรถต้องสามารถแข่งกับของรถญี่ปุ่นได้ในระยะยาว
2-อัตราการกินน้ำมันต้องต่ำลงอย่างรถญี่ปุ่น
3-ต้องเริ่มหันมาผลิตรถ Hybrid เหมือนรถญี่ปุ่น หรือดีกว่า เพราะเป็นแนวโน้มของอนาคตที่เห็นได้ชัดเจนทั้งในแง่ของพลังงานทดแทน หรือในแง่ของการประหยัด หรือในแง่ของการช่วยลดภาวะโลกร้อนที่ค่ายรถญี่ปุ่นกำลังจะไป  !
 
ทั้งสามปัจจัยเป็นสิ่งที่ The Big Three ไม่ใส่ใจมาโดยตลอด มุ่งภูมิใจแต่รถคันโต แต่กินน้ำมันที่ “เคยขายดี” จนปล่อยให้รถญี่ปุ่นพัฒนาแซงหน้าไปจนไม่เห็นฝุ่น !
 
ทำนองว่า “ไม่เห็นโลงศพ … ไม่หลั่งน้ำตา !”
เหมือนที่เกือบเป็นสายเลือดในวันนี้ …
ลืมพื้นฐานธุรกิจไปได้อย่างไร …คุณภาพ …ประสิทธิภาพ ?
อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะล้มละลายเนี่ยนะ …
คุณฝันเพลินไปหน่อยหรือเปล่า ? Is it too late , pal ?
 
 
 
พิชัย  อรุณพัลลภ
Department of Quality Management

 

 

 

 

 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 



พิชัย  อรุณพัลลภ
                                Department of Quality Management