กาแฟ Starbucks หยุดบางอย่างเพื่อการแข่งขันที่คุ้มค่า

ไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อวันอังคารของสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้าน Starbucks ในอเมริกากว่า 7,000 แห่งปิดร้านในช่วงเวลา 17.30 – 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อให้พนักงานเรียนรู้วิธีการทำกาแฟที่ถูกต้องที่พนักงานส่วนมากลืมไปเพราะมัวไปเน้นขาย hot dogs !

Howard Schultz ผู้ก่อตั้งบริษัทซึ่งกลับมารับหน้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดอีกครั้งในปีนี้ กล่าว่า Starbucks จะถอยกลับไปยังจุดกำเนิดอีกครั้ง ถ้ามันสามารถที่จะปฏิเสธการเข้าร้านของลูกค้าได้

เมื่อเศรษฐกิจของอเมริกาอยู่ในภาวะชะลอตัว การจัดการของบริษัทอื่นอาจจะเลียนแบบ Mr.Schultz โดยการยุติการแค่พูดคุยในห้องคณะกรรมการแล้วหันมาพิจารณาถึงการนำระบบพื้นฐานให้กลับมาเน้น “คุณภาพ” เหมือนเดิมแทนการ “ทำรายได้ในเชิงปริมาณ”

ตัวอย่างผู้บริหารธนาคาร Bank of America ที่เพิ่งจะซื้อกิจการของ Countrywide Financial Corp. มาด้วยเงิน 4 พันล้านเหรียญซึ่งทำให้กินส่วนแบ่ง 25% ของตลาดปล่อยกู้ซื้อบ้าน และมีส่วนแบ่ง 17% ในธุรกิจบริการที่รองรับธุรกิจนี้
ขณะนี้ตลาดกำลังเกิดความผันผวนเนื่องจาก ผู้ให้กู้ลืมนึกถึงพื้นฐานของธุรกิจด้วยการให้จำนองกับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีเครดิต ทำให้เกิดการขัดแย้งหลักพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจและนำไปสู่วิกฤตตราสารหนี้บ้านเกรดสองซึ่ง ทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน

การจะฟื้นฟูสภาพสินเชื่อและหยุดปริมาณการผิดสัญญาการชำระหนี้ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างถล่มทลายอยู่นี้ Bank of America และผู้ร่วมทุนรายใหม่ควรปรับเงื่อนไขการผ่อนบ้านใหม่อย่างมีเหตุผล เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินรายเดือนของพวกเขาได้

กลุ่มบริษัท Goldman Sachs ควรจะหยุดนิ่งสักพัก เพื่อพิจารณาว่าพวกเขาอยู่ในธุรกิจนี้เพื่อใคร “ลูกค้า” หรือ “ผู้ถือหุ้น” หากคำตอบคือทั้งคู่ Goldman Sachs ก็ต้องหาจุดสมดุลของทั้งสองด้านให้ได้ !

ผลกำไรในไตรมาส 3 และ 4 เติบโตถึง 79% และ 2% ตามลำดับนั้นถูกประกาศออกมาท่ามกลางการประกาศผลขาดทุนมหาศาลของคู่แข่งนั้น Goldman Sachs ไม่ได้ดูแลลูกค้าอย่างที่ควรตามหลักพื้นฐานธุรกิจเลย ตรงกันข้าม สัญญาของลูกค้ากลับถูกผูกเข้าด้วยกันเพื่อนำไปขายเป็นหลักทรัพย์อีกหนึ่งต่อทั้งๆที่รู้อยู่ว่าเป็นหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องความเสี่ยงที่สูง คือเรื่องที่มุ่งที่จะปล่อยกู้มากขึ้นอย่างลวกๆเพียงเพื่อจะนำหลักทรัพย์ไปกู้ต่อเพื่อทำกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นหลัก !

Fannie Mac และ Freddie Mae ไม่สามารถช่วยบรรเทาวิกฤติการณ์การจำนองในปัจจุบัน เพราะในอดีตพวกเขาให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของผู้ถือหุ้นมากเกินไปในการ “ทำกำไร” ให้ปรากฏในงบดุลอย่างหวือหวาท่ามกลางความเจ็บปวด ที่เกิดจากความล้มเหลวของกระแส Subprime บริษัท MBIA และกลุ่มการเงิน

Ambac ได้รับประโยชน์มหาศาลตลอดหลายปีมานี้จากการออกหุ้นกู้ที่ค้ำประกันด้วยหลักทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อล่อใจในการรับประกันการจำนองว่าจะได้รับผลประโยชน์จำนวนมาก (เหมือนกับที่ Starbucks เริ่มขาย hot dogs ควบคู่กับกาแฟ โดยหวังเอาว่า hot dogs จะเพิ่มกำไรให้แก่ Starbucks แต่ในขณะเดียวกันกลับปล่อยให้พนักงานในร้านละเลยวิธีชงกาแฟที่ถูกต้องจนทำให้ลูกค้าไม่เข้าร้าน)

ผู้ผลิตยาใช้งบพันล้านดอลลาร์สนับสนุนโฆษณา ทำให้สินค้าเหล่านี้มีราคาแพงเกินเหตุ บางทีอาจมีทางเลือกที่ถูกกว่าโดยไม่เกิดผลกระทบกำไรในบรรทัดสุดท้าย

บริษัท Pfizer สัปดาห์นี้หยุดการค้าทาง TV ด้วยคิดว่า ในทางกลับกันหากใช้เงินโฆษณาก้อนเดียวกันนี้ในการทำวิจัยก็จะสามารถผลิตยาสู่ความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ไปพร้อมๆกับการทำกำไร

การประเมินผลไม่เคยสร้างความเจ็บปวดแก่ใคร ลองปิดประตู 17.30 น. และเริ่มคุยกันว่าจะกลับมา “ชงกาแฟให้อร่อยที่ถูกลืมไปนั้น ต้องทำอย่างไร?”

ไม่ว่าเวลาที่ใช้จะเพียงพอหรือไม่ก็ตาม หลัง 21.00 น. อย่างน้อยมันต้องมีการเรียนรู้ เพื่อที่จะชงกาแฟที่ถูกต้องอีกครั้ง !

หรือเพื่อสะท้อนแนวคิดของ Starbucks , สถาบันที่ปล่อยกู้แก่ผู้ซื้อบ้านควรมุ่งสู่พื้นฐานในการกลั่นกรองคุณภาพผู้ที่จะกู้ซื้อบ้าน รายได้น้อยเกินก็ไม่ควรให้กู้ อย่าดันทุรังให้กู้เพียงเพื่อจะได้มีสัญญากู้ที่จะนำไปออกหุ้นกู้เพื่อหากำไรอีกต่อหนึ่ง เพราะในช่วงเศรษฐกิจขาลง วิธีคิดแบบนี้รังแต่จะทำให้ทุกคนเดือดร้อนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ !

ฝ่ายมาตรฐานอาคาร