"เธอกำลังว่าฉันบินได้หรือ"
ช่างง่ายและรวดเร็วเช่นนั้น   นางนวลเคิร์ก เมย์นาร์ด   กางปีกออกโดยไม่ต้องออกกำลัง
โจนาทานพูดถึงสิ่งง่าย ๆ ว่า เป็นการถูกต้องสำหรับนางนวลที่จะบินว่า   อิสระเสรีเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของตนเองว่าอะไรที่มาขวางกั้นอิสระเสรีภาพจะต้องโยนทิ้งไป
 และมันก็พยุงตัวขึ้นไปในอากาศอันมืดของยามค่ำคืน  ฝูงนกตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องของนางนวลเมย์นาร์ด ซึ่งดังสุดเสียงตะโกนของมัน จากความสูงห้าร้อยฟุต
เมื่อดวงตะวันขึ้น   มีนกเกือบพันตัวมายืนถัดจากกลุ่มนักเรียนต่างมองดูเมย์นาร์ดอย่างสนอกสนใจ   มันไม่แคร์ว่าจะถูกจ้องมองหรือไม่   และมันพยายามฟัง   พยายามที่จะเข้าใจนางนวลโจนาทาน
"เธอไม่เข้าใจ  ปีกของฉัน ฉันขยับปีกไม่ได้"
ทุก ๆ ชั่วโมงโจนาทานจะอยู่เคียงข้างนักเรียนแต่ละตัวของมันแสดงให้ดู   เสนอแนะ    กระตุ้นเตือน นำทางให้มันบินไปกับพวกนักเรียนผ่านยามค่ำคืน   หมอกเมฆ   และพายุอย่างรื่นเริง   ในขณะที่ฝูงนกต้องขดตัวทนทุกข์อยู่บนพื้นโลก
"ก็มาด้วยกันซิ" โจนาทานตอบ "บินไปกับฉันให้ห่างพื้นทรายแล้วเราก็จะเริ่มต้นกัน"
"ฉันบินได้ ฟังซี ฉันบินได้"
"นางนวลเมย์นาร์ด เธอมีอิสระที่จะเป็นตัวของตัวเอง   ตัวเธอเองที่แท้จริงที่นี่และเดี๋ยวนี้ และไม่มีอะไรจะขัดขวางเธอได้   มันเป็นกฎของนางนวลที่ยิ่งใหญ่   กฎที่เป็นเช่นนั้น"
นางนวลเฟลตเชอร์นั้นรักการบินกายกรรมมากกว่าใครทั้งหมด  มันพิชิตการบินกลิ้งตรงช้า และในวันต่อมามันก็ทำได้ดียิ่งขึ้นด้วยการกระโดดใช้ปีกยันขาชี้ถึงสามทอด   ขนของมันส่งประกายราวแสงแดดสีขาวยังชายหาดซึ่งมีดวงตาลับ ๆ ล่อ ๆ มากกว่าหนึ่งดวงเฝ้ามองอยู่
"ฉันว่าเธอมีอิสระ"
คืนต่อมานางนวลเคิร์ก เมย์นาร์ด ก็ออกจาฝูงเดินโซเซมาบนพื้นทรายลากปีกข้างซ้ายมา แล้วล้มลงที่เท้าของโจนาทาน "ช่วยฉันด้วย" มันพูดอย่างแผ่วเบายิ่งนัก   พูดอย่างที่ผู้จะตาย "ฉันอยากที่จะบินมากกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก"
เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากที่ได้กลับมา   มีนางนวลตัวแรกจากฝูงที่ก้าวเข้ามา และร้องขอที่จะเรียนรู้การบิน นางนวลเทอร์เรน โลเวล ที่เข้ามาร้องขอนั้นก็กลายเป็นนกที่ถูกประณามว่าเป็นตัวหัวเน่า  และเป็นนักเรียนตัวที่แปดของโจนาทาน
เมื่อการบินจบลง   บรรดานักเรียนจะพักผ่อนอยู่บนพื้นทราย   และในเวลานี้พวกมันจะฟังโจนาทานอย่างตั้งอกตั้งใจ   โจนาทานมักจะมีความคิดประหลาด ๆ ที่พวกมันไม่เข้าใจ   แต่บางครั้งโจนาทานก็มีความคิดดีที่มันเข้าใจได้
"เธอว่าเธอรู้เรื่องการบินความเร็วต่ำ   เธอไม่รู้อะไรเลยจนกว่าเธอจะพิสูจน์ให้เห็น! บิน"
มันเหมือนกับสายฟ้าฟาดผ่านฝูงนางนวล   เจ้าพวกนั้นเป็นพวก หัวเน่า!   และมันได้กลับมาแล้ว และนั่น...นั่นเป็นไปไม่ได้!    การต่อสู้ที่เฟลตเชอร์คาดไว้ล่วงหน้ากลับหลอมละลายไปกับความสับสนงุนงงของฝูงนก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

"การเริ่มต้น" โจนาทานกล่าวขึ้น "พวกเธอทั้งหมดเข้ามาร่วมช้าไปหน่อย..."
ตอนที่  6
"เอาล่ะ โอเค พวกนั้นอาจะเป็นพวกหัวเน่า" นางนวลวัยรุ่นบางตัวกล่าวขึ้น "แต่พวกนั้นไปเรียนวิธีบินแบบนั้นมาจากไหนในโลกนี้นะ"
"นางนวลมาร์ติน!" โจนาทานตะโกนก้องท้องฟ้า
ในที่สุด ตอนกลางคืนนกอีกกลุ่มก็เข้ามาห้อมล้อมกลุ่มนักเรียน   เจ้านางนวลกลุ่มที่อยากรู้อยากเห็นนี้จะยืนฟังอยู่ในความมืดเป็นชั่วโมง ๆ จนจบ   มันไม่อยากที่จะให้ใครเห็น   และมันจะค่อย ๆ หายไปก่อนเวลาเช้า
นางนวลชาลล์-โรแลนด์ก็เหมือนกัน มันบินไปกับลมภูผาใหญ่ด้วยความสูงสองหมื่นสี่พันฟุตและกลับมาอย่างสะท้านสั่น   จากบรรยากาศที่หนาวเย็นและเบาบาง   มันประหลาดใจ   สุขใจและตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะบินให้สูงกว่านั้นอีก
นางนวลน้อยมาร์ติน วิลเลี่ยมผู้เงียบขรึม   งุนงงที่ตัวเองกลายเป็นผู้วิเศษแห่งความเร็วต่ำ  แต่ทำตามทันทีโดยมันสามารถโค้งขนพยุงตัวขึ้นในลมที่เบาบางที่สุด  โดยไม่ต้องตีปีกแม้แต่ครั้งเดียวที่จะขึ้นจากพื้นทรายไปสู่เมฆ   แล้วก็กลับลงมาอีกครั้ง
นางนวลที่นิยมชมชื่นตัวหัวเน่าเป็นผู้ทำลายกฎของฝูง   นกขนสีเทาหันหลังให้กับโจนาทานนับแต่บัดนั้นเป็นต้นไป แต่โจนาทานดูจะไม่ให้ความสังเกต     มันเริ่มต้นบทเรียนฝึกบินเหนือสภาชายหาด และเริ่มหมุนให้นักเรียนของมันทำอย่างสุดความสามารถเป็นครั้งแรก
นางนวลตัวใดที่พูดกับตัวหัวเน่าจะต้องเป็นหัวเน่าไปด้วย
เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าที่คำสั่งของนางนวลผู้ใหญ่ จะส่งผ่านฝูงนกว่าอย่าสนใจพวกนั้น
ไม่ว่า จะมาในรูปแบบใด
  ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม  ความเชื่อโชคลาง  หรือข้อจำกัด
ฝูงนกขยายขึ้นทุกวัน   บ้างมาถามคำถาม   บ้างมาบูชา
นักเรียนของโจนาทานยกเว้นเฟลตเชอร์ต่างขยับตัวอึกอัก พวกนั้นไม่ได้ตระหนักว่านั่นเป็นสิ่งที่พวกมันกำลังทำอยู่
"ดูเฟลตเชอร์! โลเวล! ชาลล์-โรแลนด์! ซิ พวกเขาพิเศษมีพรสวรรค์ เป็นทิพย์ด้วยหรือ ไม่มากมายกว่าพวกเธอ ไม่มากกว่าฉัน ข้อแตกต่างมีอันเดียว มีอันเดียวเท่านั้น คือพวกเขาเริ่มที่จะเข้าใจว่าที่จริงแล้วเขาเป็นอะไร และเริ่มที่จะฝึกฝนอันนั้น"
"เธอหวังจะให้เราบินได้อย่างเธอได้อย่างไร" อีกเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น "เธอนั้นพิเศษ มีพรสวรรค์เป็นทิพย์เหนือนกอื่นใด"
"กฎที่แท้จริงอันเดียวคือ กฎที่นำไปสู่อิสระเสรีภาพ" โจนาทานตอบ "ไม่มีกฎอื่น"
"โยนทิ้งไป" ทั้งกลุ่มส่งเสียงขึ้น "แม้กระทั่งกฎของฝูงนกหรือ"
เช้าวันหนึ่งหลังจากการฝึกบินความเร็วพิสดาร เฟลตเชอร์บอกโจนาทานว่า
 บ้างมาดูแคลน
ปีศาจ
โจนาทานถอนหายใจ มันคิดว่ารางวัลของการถูกเข้าใจผิดก็คือจะถูกเรียกว่าเป็น            หรือไม่ก็เป็น
"พวกนั้นกำลังกล่าวขวัญกันว่าถ้าเธอไม่ใช่บุตรของนางนวลที่ยิ่งใหญ่ เธอก็คงจะอยู่ก่อนกาลเวลาของเธอเองสักพันปี"
 "เธอล่ะคิดอย่างไร เฟลต เราอยู่ก่อนกาลเวลาของเราหรือ ? "
พระเจ้า
เสียงเงียบไปนาน "เออ การบินแบบนี้มีอยู่เสมอสำหรับที่ใครก็ได้จะเรียนรู้และใครก็ได้ที่จะค้นพบ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องกาลเวลา บางทีเราคงจะนำหน้าในเรื่องรูปแบบ   นำหน้าในเรื่องวิธีบินของนกส่วนมาก"
"นั่นน่าฟังดี" โจนาทานตอบ มันโผร่อนหมุนตัวกลับชั่วขณะหนึ่ง "นั่นไม่แย่เท่าครึ่งหนึ่งของการอยู่ก่อนกาลเวลาของเรา"
เหตุเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เฟลตเชอร์กำลังแสดงบทเบื้องต้นเกี่ยวกับการบินความเร็วสูงให้นักเรียนชั้นใหม่ดู มันพึ่งดึงตัวจากการพุ่งดิ่งจากระดับเจ็ดพันฟุต   เจ้านกหนุ่มตัวหนึ่งซึ่งเพิ่งหัดบินเป็นครั้งแรกร่อนสวนตรงเข้ามา    ทางยาวสีเทาหม่นปะทุขึ้นสองสามนิ้วฟุตเหนือหาดทราย   เจ้านกหนุ่มส่งเสียงลั่นร้องเรียกแม่ เฟลตเชอร์มีเวลาเพียงหนึ่งในสิบของวินาทีเท่านั้นที่จะหักตัวหลบเจ้านางนวลหนุ่ม   นางนวลเฟลตเชอร์ ลินด์ พุ่งไปทางซ้ายอย่างรุนแรงด้วยความเร็วเกินสองร้อยไมล์ต่อชั่วโมงเข้าปะทะหน้าผาหินแข็ง
"หรืออย่างที่รู้จักกันในนาม   ลูกชายนางนวลที่ยิ่งใหญ่" ครูผู้สอนของมันกล่าวขึ้นอย่างกระด้าง
"โจนาทาน"
"เฟลตเชอร์   เคล็ดลับก็คือ   เราพยายามที่จะพิชิตข้อจำกัดของเราอย่างมีระเบียบ : อย่างอดทน   เราไม่บินฝ่าหินผา จนกว่าจะถึงระยะหลังในรายการของเรา"
แต่เสียงหนึ่งก็ดังเข้าเหมือนดังวันแรกที่มันพบนางนวลโจนาทาน ลิฟวิสตัน
หินผานั่นเป็นเสมือนประตูยักษ์แข็งกร้าว ที่เปิดไปสู่อีกโลกหนึ่งสำหรับเฟลตเชอร์    มันระเบิดด้วยความกลัว ช็อก และกลับดำมืดสนิทเมื่อเข้าไปปะทะ     และแล้วมันก็ล่องลอยไปในท้องฟ้าที่ประหลาดแสนประหลาด   มันลืมสิ้น   มันจำได้   มันลืม  มันกลัว  เศร้า และเสียใจ มันเสียใจหนักหนา
"ฉันอยากกลับไปหาฝูง แน่นอน ฉันเพิ่งจะเริ่มต้นกับพวกกลุ่มใหม่!"
ที่เธอได้ทำไปก็คือเปลี่ยนระดับของสติสำนึกอย่างกะทันหัน    ตอนนี้แล้วแต่เธอจะเลือกเอา   เธอจะอยู่ที่นี่แล้วก็เรียนรู้ในระดับนี้ก็ได้-ซึ่งเป็นระดับที่สูงจากที่ที่เธอจากมามากนัก   หรือเธอจะกลับไปเพื่อทำงานให้กับฝูงก็ได้   พวกนกผู้ใหญ่ กำลังหวังไว้ว่าจะมีความหายนะบางอย่าง   แต่พวกนั้นดีใจที่เธอทำให้สมใจเขาอย่างล้นเหลือ"
"โธ่ เฟลต   ไม่เอาละ   คิดซิ   ถ้าหากว่าเธอกำลังพูดคุยอยู่กับฉันเดี๋ยวนี้นี่   เธอก็ยังไม่ตายแน่  ใช่ไหม
"เธอมาทำอะไรที่นี่   หน้าผา!   ฉันไม่ได้...ฉันไม่...ตายไปแล้วหรือ ?"
"ดีแล้ว เฟลตเชอร์ จำที่เราพูดไว้ว่าร่างกายไม่ใช่อะไร นอกจากความนึกคิดของเราเอง...?"
เฟลตเชอร์    สั่นหัวกางปีกออก   ลืมตาขึ้น   ที่ตรงตีนหน้าผา    มันปรากฏตัวท่ามกลางฝูงนกที่ชุมนุมอยู่    เมื่อมันเริ่มขยับตัวก็มีเสียงโห่ร้องกรี๊ดกร๊าดเจี๊ยวจ๊าวจากกลุ่มนก
"เขายังมีชีวิต!   เขาที่ตายแล้ว   ยังมีชีวิตอยู่"
"เพียงแต่เอาปลายปีกไปแตะ !   ก็ทำให้เขาคืนชีวิตขึ้นมา  !   ลูกชายของนางนวลที่ยิ่งใหญ่"
โจนาทานเป็นพระเจ้าหรือปีศาจ ?………………..โปรดติดตามตอนต่อไป