เพราะอะไรหรือ ?
 เป็นสไตล์การบริหารชนิดหนึ่งเพื่อผลิตสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด  TQM จะเน้นที่การมองลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากกว่าการมองความยากหรือง่ายของเราในการปฏิบัติ  TQM จะเน้นที่ข้อเท็จจริง  จะเน้นการทำงานที่ทีมผลิตเป็นผู้ผลักดันขึ้นมามากกว่ามาจากผู้จัดการสั่งการลงไป  โดยมีผู้จัดการเป็นผู้นำในการสร้างบรรยากาศในการปรับปรุงการพัฒนาขบวนการผลิตให้มีคุณภาพ  ประสิทธิภาพและ
ไม่ได้มาจากการจัดการของเรา !
มาจากความบังเอิญ-
แต่ TQM ไม่ใช่เน้นที่เป้าหมายที่ "ผล"เหมือน MBO  เพราะ  TQM จะสนใจ "วิธีการทำงานที่ดีกว่าเดิม (BETTER  PROCESS)  มีประสิทธิภาพกว่าเดิม (HIGHER  EFFICIENCY) ความร่วมมือระหว่างกันดีกว่าเดิม (BETTER  COOPERATION)  ความสูญเสียน้อยกว่าเดิม (LESS  WASTE)" มากกว่าการที่จะสนใจว่าวันนี้เรามีสินค้าที่ "เสร็จและบังเอิญ-ดี" กี่ชิ้น
TOTAL  QUALITY  MANAGEMENT
เพราะการสนใจแต่ว่าสินค้าที่ "เสร็จและบังเอิญดี"กี่ชิ้นมีแนวโน้มที่จะหลอกให้เราพอใจกับ "ผลงาน"ซึ่ง
MBO เน้นการบรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณที่ผู้จัดการวางเป้าไว้ให้  วิธีนี้มักจะทำลายบรรยากาศ TEAMWORK  และบั่นทอนคุณภาพ  เพราะทุกคนจะไม่สนใจว่า "ทำอย่างไร  ดีหรือไม่ต่อองค์กร  ดีหรือไม่ต่อลูกค้า  พนักงานมีแนวโน้มที่จะเบียดเบียนกัน  ข้ามศพกันในระหว่างทำงานเพื่อให้ได้ผลงานของตนมา  ผู้จัดการก็ไม่สนใจ ขอให้ได้ตามเป้าหมายเป็นใช้ได้  ลูกน้องคิดแต่ว่าขอให้ตนเป็นที่พอใจของนายเป็นใช้ได้  ความรู้สึกเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไรช่างไปก่อนเอาไว้ใช้ลีลาลื่นไหลแก้ไขเอาในภายหลังก็ได้  แต่ตอนนี้ขอเอายอดเป้าของตนก่อน !" วิธีนี้ใช้ได้แค่เอาตัวรอดในระยะสั้นเท่านั้น   แต่ในระยะยาวแล้ว   องค์กรเสียโอกาสในการพัฒนาคุณค่าที่ยั่งยืน (SUSTAINABLE  FACTORS) และเดินไปสู่ความเสื่อม !
สไตล์การบริหารแบบ TQM จะแตกต่างจากสไตล์แบบ MBO (MANAGEMENT  BY  OBJECTIVE) ที่เรารู้จักดังนี้ :
 ในองค์กรตั้งแต่ผู้บริหาร   ผู้จัดการทุกระดับจะต้องมีส่วนร่วมในการลงแรงในการปรับปรุง   การลงแรงนี้ไม่ใช่หมายถึงการเพียงแต่บริหารจัดการโดยการนั่งดู   หรือนั่งรอผลที่ลูกน้องจะทำมาให้เท่านั้น   หากแต่ต้องมีส่วนในการติดตามเก็บข้อมูล   การสร้างระบบฐานข้อมูล   การวิเคราะห์ข้อมูล   การกระตุ้นให้ทุกคนกล้าแสดงความเห็น  จนกระทั่งการเปิดโอกาสให้ทุกคนลองผิดลองถูกโดยไม่มีการตำหนิ   ไม่มีการเบรกความเห็นลูกน้องให้หน้าแตก    ตรงกันข้าม   การกระตุ้นให้ทุกคนเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีตว่า
"TOTAL"
 ใน TQM นั้นหมายถึง
....ให้ต่อเนื่อง
TQM คืออะไร ?
"ผิดเพราะอะไร  ต้องแก้ไขอย่างไร"เป็นสิ่งที่ผู้บริหารจะให้ความสำคัญมากกว่าการหาว่า "ใครทำผิด"
คำว่า
 "ทุกคน"

Dr. W. Edward  Deming : The Father of The Quality Evolution

 

TOTAL  QUALITY  MANAGEMENT ( TQM )
 หรืออาจเกิดจากคุณสมบัติของพนักงานเฉพาะคนที่ทำชิ้นงานนั้นที่ตั้งใจกับการทำงานเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่นๆ  หรือทำได้ดีในขณะที่ยังไม่เหนื่อยล้า  เมื่อเหนื่อยแล้ว  คุณภาพก็ตก !  ในขณะที่การให้ความใส่ใจต่อ "วิธีการทำให้ได้ดีขึ้น"นั้นจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าสินค้าที่ผลิตด้วย "วิธีการที่ดีขึ้นนั้น" จะต้องได้ดีแน่นอน "ทุกๆชิ้น"
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2  นายพล  MacArthur ได้นำนักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญ 200 คนรวมทั้ง Dr.Deming ไปที่ญี่ปุ่นเพื่อช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่นหลังแพ้สงคราม  ที่นั่น   Dr.Deming ได้รับเชิญขึ้นบรรยายแก่บรรดาผู้นำทางธุรกิจของญี่ปุ่นจำนวนมากถึงแนวทางในการฟื้นฟูประเทศญี่ปุ่นโดยการเพิ่มผลผลิต  เพิ่มประสิทธิภาพ  เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน   โดยโน้มน้าวนักธุรกิจญี่ปุ่นเหล่านั้นว่า  หากต้องการอยู่รอด  จะต้องผลิตสินค้าให้ "ดี" และ "มีต้นทุนต่ำที่สุด" และวิธีที่จะทำให้เป็นจริงได้ก็คือการใช้
นี่คือความแตกต่างของสองสไตล์นี้ !
ไม่ว่าจะทำโดยใคร  หรือเมื่อใดก็ตาม !
ครั้งหนึ่ง Dr.Deming เคยกล่าวว่า "เป็นเวลานานมามากแล้ว  ที่เราอยู่ในโลกของความผิดพลาดและสินค้าที่บกพร่อง  มีคุณภาพต่ำ  ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้ปรัชญาแนวคิดใหม่ในอเมริกา !"
TQM ถูกพัฒนาในช่วงปี คศ. 1940  โดย Dr.W.Edward  Deming ใน NEW YORK  UNIVERSITY เขาประสบความสำเร็จน้อยมากในการโน้มน้าวให้ใช้ TQM ในอเมริกา
 ตรงกันข้าม  ความสำเร็จที่เขาได้รับในญี่ปุ่นกลับมหาศาล !
TQM ต้องการการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของทุกคน  วิธีทำงานที่แตกต่างจากวิธีเก่าๆที่เราคุ้นเคยอยู่  เทคนิคของ TQM นั้นแม้จะดูเป็นเรื่องง่ายๆ  แต่ที่แปลกคือการที่จะปฏิบัติให้ได้ผลนั้นกลับต้องการความเข้าใจที่ลึกซึ้ง   ความมีวินัย   ความอดทนสุดๆจึงจะประสบความสำเร็จได้ !
ประวัติของ TQM
ญี่ปุ่นสามารถตีตื้นได้โดยใช้เวลาเพียง 4 ปี ! หลังจากนั้นเพียงชั่วอายุเดียวของมนุษย์  ญี่ปุ่นก็แซงหน้าอเมริกา 
ยุโรป  ผงาดเป็นผู้นำในโลกอุตสาหกรรมจนได้  อเมริกาเองเริ่มเห็นคุณค่าของ TQM  และนำไปใช้กับบริษัทต่างๆเช่น FORD , IBM , XEROX จนทำให้บริษัทเหล่านี้เติบโตเป็นบริษัทข้ามชาติในที่สุด !
"TQM"
"They surprised me and did it in 4 years !"
"หากเขาทำตามผมทุกอย่าง  เขาจะใช้เวลาเพียง 5 ปี !"
Dr.Deming ตอบว่า
 (เราคงจะพอจำกันได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อน สินค้าที่ผลิตจากญี่ปุ่นเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ และไม่มีคุณภาพ)  มีผู้ถาม Dr.Deming ว่า
ในตอนหน้าเราจะได้รู้กันว่าไส้ในของ TQM มีอะไรดี ?
"ต้องใช้เวลากี่ปีในการเปลี่ยนความคิดของโลกที่ว่าญี่ปุ่นผลิตแต่สินค้าเลียนแบบและคุณภาพต่ำมาสู่การเป็นผู้นำ  มีความคิดสร้างสรรค์และมีคุณภาพ ?"
ผู้ถามหลายคนไม่เชื่อเขา  แต่ต่อมาหลายปีภายหลังจากนั้น  พวกเขาต้องอับอายอย่างยิ่งที่ดูแคลนแต่แรกเมื่อ   Dr.Deming บอกพวกเขาว่า