คุณประเสริฐได้เล่าถึงพัฒนาการของผู้ที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ใหม่ๆจนกระทั่งตกผลึกถึงแก่นแท้ของตนเอง  โดยได้แบ่งช่วงอายุงานออกเป็น 4 ช่วงพร้อมทั้งบรรยายแนวคิดของผู้ที่อยู่ในแต่ละช่วงอย่างน่าสนใจดังนี้ :
เมื่อจบมาใหม่ๆ  ลองนึกถึงตัวเองที่เข้าทำงานด้วยความเงอะงะ  ต้องปรับตัวเองกับโลกนอกรั้วมหาลัย (มหาลัยที่ซึ่งอุดมไปด้วยแนวคิดเชิงอุดมคติ  โลกที่ใสบริสุทธิ์              ที่คบกันอย่างไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง  โลกที่มีปัจจัยเพียงไม่กี่ตัว  การตัดสินใจต่างๆจึงดูง่ายไปหมด !) นอกรั้วนี้  วุ้นต้องค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร  เก่งอะไรเป็นพิเศษ  คนในช่วงนี้มักยังไม่รู้จักตัวเองดีพอ  อยากได้งานเพียงเพื่อสร้างรายได้  จึงไม่แปลกที่ในช่วงนี้จะเดินเข้าบริษัทนี้  เดินออกบริษัทโน้นเป็นว่าเล่น
1-เมื่อยังเป็นวุ้น
ทำไมคนบางคนจึงชอบโยนคำถามความก้าวหน้าในชีวิตตนเองให้ผู้อื่นตอบแทนตนเอง ?
ทำไมไม่คิดบ้างว่าตนเองก็มีส่วนผลักดันชีวิตมาสู่จุดที่ตนไม่พอใจ ….แล้วกลับมาถามหาความรับผิดชอบจากหัวหน้า   หรือจากผู้อื่น ?
"ไม่มีใครสร้าง CAREER  PATH ให้คุณได้ดีเท่ากับตัวคุณเอง  คุณคือผู้เขียนชะตาชีวิตว่าจะดีหรือชั่วอย่างไร !"
คุณประเสริฐตอบอย่างน่าคิดว่า
1
คุณประเสริฐ  เอี่ยมรุ่งโรจน์เจ้าของคอลัมน์ ZIG-ZAG ได้เขียนภาพการทำงานของผู้อยู่ในวงการโฆษณาที่เป็นหัวหน้าว่าหน้าที่หลักดูเหมือนจะเป็นการรับใบลาออกจากลูกทีมและการให้คำแนะนำเพื่อให้ลูกน้องเลือกทางเดินที่เหมาะสม  หัวข้อหนึ่งที่พูดถึงบ่อยๆคือเรื่องที่ลูกน้องมักถามว่า
"ถ้าผมอยู่ที่เดิม  CAREER  PATH ของผมจะเป็นเช่นไร ?"
POST  TODAY  16  JUN 06

คอลัมน์ ZIG-ZAG .

 

ดีชั่วอยู่ที่ตัวเรา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

re12

คนพวกนี้พูดน้ำไหลไฟดับเต็มไปด้วยข้อมูลในรูปดาวกระจาย  แต่ขาดความชัดเจนในประเด็นการสื่อสาร  ยิ่งถ้าให้เขียนจะดูไม่จืดเลย !
หนึ่ง

อย่าเล็งว่าต้องการแค่เงินเดือนสูงๆ  สิ่งที่ควรใฝ่หาคือครูดีๆเพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้ !

 

เมื่อตกผลึกรู้ว่าตนต้องการอะไร  นี่คือช่วงสำคัญที่สุดที่ต้องตอกเสาเข็มวางรากฐานซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าของอาชีพ
2-ช่วงเป็นต้นกล้า
เพื่อน
ครูดีมีสองอย่าง
เห็นคนจำนวนมากที่มีเพียงองค์ความรู้  แต่นำมาต่อเป็นภาพรวมเป็นระบบ และเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้ !
องค์กรที่สอนวิธีคิด   สิ่งที่ได้คือการฝึกให้คิดอย่างมีตรรกของความคิด  สิ่งที่ได้คือ "แนวคิดต่างๆที่ในมหาลัยไม่มีสอน  เช่นโลกในชีวิตจริงมีมิติมากกว่าในมหาลัยมากนักที่ MODEL ของตำราในมหาลัยจำลองมาไม่ครบ  เช่นผู้คนในชีวิตจริงมีหลากหลายประเภทกว่า  สถานการณ์ในชีวิตจริงเปลี่ยนตลอดเวลา ( ในตำรามักจะมี ASSUMPTION ว่า ปัจจัยต่างๆนิ่ง)  สถานการณ์ในชีวิตจริงมีหลายตัวที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา   หลายอย่างเราไม่รู้มาก่อน  หลายอย่างถูกปิดบังไม่ให้รู้   หลายอย่างในตำราสอนลึกลำบากเช่นความอดทน     การมีจริยธรรม (ETHICS) ในทางปฏิบัติที่ขึ้นกับค่านิยมต่างๆที่ไม่เหมือนกัน เช่น ไทย กับ  สิงคโปร์  อเมริกา  นิวซีแลนด์  คงมีคำจำกัดความว่า-ความซื่อสัตย์-ความมีวินัยในสังคม  ที่ต่างกันซึ่งก็จะทำให้ผู้ที่ทำงานในทุกระดับพกค่านิยมเหล่านั้นมาทำงานต่างกัน  เช่นในสังคมหนึ่งอาจยกย่องคนที่เอาตัวเองรอดเก่ง (แต่ส่วนรวมเสียหายก็ช่างมัน)  ในขณะที่อีกสังคมหนึ่งผู้คนเคารพกติกาส่วนรวมเพื่อให้ส่วนรวมมีประสิทธิภาพ (ยอมเสียสละความสบายของตนทั้งๆที่  IQ เขาอาจมากกว่าคนในสังคมแรกก็ได้  แต่เขาก็ไม่ฉวยโอกาส !)
สอง
องค์กรที่ร่ำรวยความรู้  แล้วเรียนผ่านเนื้องาน  หลายคนสามารถเพิ่มศักยภาพของตนได้จากงานที่ตนทุ่มเทโดยมุ่งทำงานเพื่อ "งาน"
1
-THE  SECRET  OF  SUCCESS  IS  TO  DO  "COMMON"  THING   
   
    "UNCOMMONLY"  WELL !
-ทำงานเพื่อ "งาน" RICH  DAD , POOR  DAD (ROBERT  T. KIYOSAKI)
นี่คือช่วงเก็บเกี่ยวผลของการทำงานหนักตอนเป็นต้นกล้าและช่วงเปล่งแสง  คุณต้องชี้นำทางที่ถูกต้องให้แก่องค์กร   ถ้าทำการบ้านมาดีจะรับมือได้สบายมาก
4-เมื่อติดลมบน
...........................................................................................................................
-เปรียบเทียบคำพูดประธานาธิบดี ROOSTVELL "อย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่คุณ 
   แต่จงถามว่าคุณจะให้อะไรแก่ประเทศชาติ ?"
นี่คือตัวอย่างจากชีวิตจริงของคนที่สร้าง CAREER  PATH ให้แก่ตนเอง !   เขาไม่ต้องถามหาจากหัวหน้า   !
จากการที่อยู่รั้งท้ายของเพื่อนร่วมรุ่น  ในที่สุดเขากลับก้าวหน้าแซงเพื่อนทุกคนในที่สุด !
จุดดีของการทำงานที่นี่ที่ให้อิสระในการคิดและในการแสดงออก
3
แต่เขาทำงานโดยไม่บ่น  เพราะเขามองหา
เขาใช้โอกาสในการลองผิดลองถูกจนค้นพบศักยภาพตนเอง  เขาใช้โอกาสที่มีในการสร้างผลงานโดยสร้างสรรค์งานของตนที่แหวกแนวกว่าคนอื่น  มีประสิทธิภาพกว่าคนอื่น  !
แถมต่อมาเขาแอบรู้มาอีกว่าเงินเดือนเขาน้อยกว่ามาตรฐาน
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ใช้วิธีคิดแบบนี้ และมันส่งผลดีต่อความก้าวหน้าของอาชีพของเขาอย่างคุ้มค่า สภาพในที่ทำงานเดิมของเขาดูผิวเผินแล้วก็ไม่เด่นดังอะไร
3-ช่วงเปล่งแสง
ที่ๆให้ความเป็นอิสระในการคิดและให้โอกาสในการแสดงออก….เป็นไง !
เมื่อไม่มีที่ๆได้ครบทุกเรื่อง  ที่ไหนหรือที่เราควรมองหา ?
เมื่อฝีมือแก่กล้าก็ต้องหาเวทีโชว์ตัว   บางคนเงื่อนไขเยอะ   อยากอยู่เวทีดัง  ชกมวยรุ่นใหญ่และรายได้ต่อ FIGHT สูง  ซึ่งในชีวิตจริงไม่ใช่ว่าจะได้ตามที่ต้องการเสมอไป (ดู MILLION  DOLLARS  BABY เป็นตัวอย่าง)
2
3
2