World Economic Forum Competitiveness Ranking
 

http://www.weforum.org/agenda/2015/09/7-ways-countries-can-boost-competitiveness/
 

 
http://reports.weforum.org/global-competitiveness-report-2015-2016/competitiveness-rankings/
 

 

7 วิธีในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ :

กว่า 30 ปี ที่ World Economic Forum ศึกษาวิจัยดรรชนีที่ใช้วัดความสามารถในการแข่งขันของประเทศหนึ่งๆ จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดที่ประเทศใดหนึ่งๆจะพัฒนาชีวิตความอยู่ดีกินดีของพลเมืองตนเอง จนพ้นจากความอดอยากและขยับขึ้นไปสู่จุดที่จะสามารถแข่งขันในเวทีโลก และลดช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา เพราะสถานะภาพนี้เท่านั้นที่จะเอื้อต่อสันติภาพของโลกที่สุด !

 

ด้วยปรัชญาของความต้องการพัฒนาชีวิตพลโลกดังกล่าว Forum นี้ได้ริเริ่มโครงการตัวอย่างที่ประเทศหลายประเทศได้ทำสำเร็จมาแล้ว เพื่อให้ผู้นำในประเทศที่กำลังพัฒนาต่างๆได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างในการริเริ่มโครงการที่จะพัฒนาชีวิตของพลเมืองของตนตามวัตถุประสงค์

 

ต่อไปนี้คือ 7 ตัวอย่างที่ได้ทำสำเร็จมาแล้วในประเทศต่างๆ

1.อเมริกา : ความร่วมมือในการให้การศึกษาพัฒนาฝีมือในการผลิตและประกอบรถยนต์

 The Automotive Manufacturing Technical Education Collaborative (AMTEC) เป็นโครงการที่มุ่งผลิตช่างยนต์ฝีมือเพื่อแก้ปัญหาช่างขาดแคลนในอเมริกา ด้วยโครงการแรกในรัฐ Kentucky ด้วย Toyota ในช่วงต้นปี คศ.2000 โดยการรับสมัครจากนักเรียนสายวิชาชีพเพียงโรงเรียนเดียวที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนขยายไปถึง 30 โรงเรียนในรัฐต่างๆทั่วอเมริกา หลักสูตรกำหนดให้มีการเรียนในชั้นเรียน 2 วัน และ ปฏิบัติภาคสนามจริงในโรงงาน 3 วันในโรงงาน Ford , GM , Toyota , BMW

 
2.ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป : The European Innovation Partnerships
ในอดีต กลุ่มประเทศยุโรปมีข้อจำกัดต่อการคิดค้นนวัตกรรมมาก เช่นการขาดการสนับสนุนด้านการเงิน ค่าจดลิขสิทธิ์ที่แพงเกินไป การขาดแรงงานฝีมือ การขาดแคลนการสนับสนุนที่ต่อเนื่องที่จะทำให้นวัตกรรมนั้นเป็นรูปธรรม

The European Innovation Partnerships (EIPs) เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยตรงในปี 2010 พร้อมกันนี้ก็ส่งเสริมให้มีนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นอย่างมากมายได้สำเร็จในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มคุณภาพชีวิตประจำวัน เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเพิ่มงานให้กับประชากรในกลุ่มสหภาพยุโรปอย่างมาก จนทำให้กลุ่ม EU มีความเข้มแข็งขึ้นจากประสิทธิภาพที่มีมากขึ้น

 
3.อินเดีย : Infrastructure Leasing & Financial Services Ltd.

ด้วยประชากรที่มีมากอยู่แล้วที่มีลักษณะเฉพาะทางศาสนา อินเดียจะมีจำนวนประชากรเพิ่มก่อนปี 2030 อีกกว่า 230 ล้านคนที่อยู่ในวัยทำงาน (จากปี 2015 ที่มีทั้งหมดประมาณ 1,300 ล้านคนอยู่แล้ว)
ในกลุ่มวัยทำงาน 60% เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ที่ยังเป็นแรงงานไร้ฝีมือที่ยังไม่เป็นที่ต้องการจากนายจ้างทั่วโลก และจะต้องยากจนมากขึ้นจากเหตุดังกล่าวเมื่อปี 2030 มาถึง

The Infrastructure Leasing & Financial Services Ltd (IL&FS Skills) เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นในปี 2007 ระหว่างบริษัทเอกชนชั้นนำในการอบรมฝีมือและให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีแก่ชาวอินเดียกลุ่มดังกล่าวเพื่อป้อนแรงงานแก่บริษัททั้งในและจากนอกประเทศกว่า 1,000 บริษัทภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุนในการอบรมโดย National Skill Development Corporation

โครงการนี้ขยายไป 26 รัฐจากทั้งประเทศที่มี 28 รัฐ จนสามารถสร้างแรงงานที่มีประกาศนียบัตรที่ผ่านการรับรองฝีมือจากหน่วยงานดังกล่าวมาแล้วถึงกว่า 100,000 คน และปัจจุบันยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง
85% ของผู้ที่ผ่านหลักสูตรนี้ได้รับการจ้างงานและกำลังสร้างความเจริญแก่อินเดียอย่างสูง

 

4.ชิลี : Start-Up Chile
ในอดีต ชิลีมีอุตสาหกรรมหลักด้านการเกษตร จับปลาแซลมอน และอุตสาหกรรมท้องถิ่นย่อยๆ ต่อมารัฐมีดำริห์ที่จะเปลี่ยนประเทศให้เป็น ศูนย์นวัตกรรมของ Latin America เพื่อดึงดูด

ผู้ประกอบการทันสมัยทั่วโลกให้มาชิลี เพื่อสร้างธุรกิจ SME แก่ผู้คนในพื้นที่มากขึ้น โครงการนี้มีชื่อว่า  Start-Up Chile 
ด้วยเงินสนับสนุน $ 11 ล้าน และกว่า 100 ฐานการผลิตทั่วประเทศ ชิลีได้รับการสมัครจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกปีละกว่า 1,500 โครงการที่เพิ่มจำนวนธุรกิจปลายน้ำแก่ SME ในขณะที่ชาวชิลีที่อาศัยรอบๆฐานเหล่านี้ก็มีงานและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

5.โมรอคโค : Education for Employment

ในตะวันออกกลางและอาฟริกาเหนือ มีอัตราการว่างงานมากถึง 27% และ 29% ตามลำดับ

Education for Employment (EFE) เป็นหน่วยงานที่ให้ความรู้และพัฒนาฝีมือแรงงานด้วยการอบรม ปี 2013 ธุรกิจกว่า 200 บริษัทให้การสนับสนุนด้วยการจ้างแรงงานที่ผ่านโครงการนี้กว่า 6,600 คน ครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง

 

6.ฟินแลนด์ : The VIGO Venture Accelerator Programme
ประเทศฟินแลนด์เป็นประเทศที่แปลกตรงที่เป็น เคยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำมาก่อน (Nokia) ปัญหาคือประเทศนี้ขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาธุรกิจที่จะต่อยอดให้มีธุรกิจ

ใหม่ๆที่จะช่วยขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลไม่ต้องการหารายได้จากป่าไม้ซึ่งเป็นรายได้หลักอย่างเดียว จึงริเริ่มโครงการ Vigo ขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างดังกล่าวในปี 2009 ด้วยเงินสนับสนุน 600 ล้านยูโร ปัจจุบันมีกว่า 60 บริษัทที่เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธของรัฐบาล

 

7.เกาหลี : Meister Schools
ปัญหาของเกาหลีค่อนข้างแปลกตรงที่ภาคแรงงานประกอบด้วย 42% ที่มีคุณวุฒิเกินกว่างานที่ทำ แต่ขณะเดียวกันก็มี  20% ที่ทำงานใน SME ที่ขาดทักษะที่ต้องการ
ปัญหานี้รัฐบาลเกาหลีเรียกว่า Labor mismatch of demand and supply

Meister Schools ถูกตั้งขึ้นในปี 2010 เพื่อแก้ปัญหานี้ ด้วยการสำรวจความต้องการของธุรกิจต่างๆ ทักษะ ความรู้ที่ต้องการ พร้อมกับสำรวจความต้องการทำงานของแรงงาน จัดทำเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก จนสามารถแก้ปัญหานี้ได้ในที่สุด
ฟังดูง่าย แต่ความจริงแล้วงานที่หน่วยงานนี้ทำยังมีเรื่องของการตั้งโรงเรียนฝึกอาชีพ แก้ไขหลักสูตรของโรงเรียนที่มีอยู่เดิมที่สอนสิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของธุรกิจให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด

(เรียกว่าทำงานเชิงรุก ?)

 

สิ่งที่เหมือนกันของทุกเรื่องคือ “ความต้องการพัฒนาการอยู่ดีกินดีของคน” ด้วยการ “ออกแบบระบบที่มีเหตุผลมีคุณภาพ” “การให้ความรู้และอบรม” “การใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเขาเองและประเทศ” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่านั้นคือ “มีคุณภาพในระดับสากลเพื่อให้แข่งขันได้ !”

 
ถ้า LH คิดและทำอย่างนี้บ้าง จะเป็นยังไงหนอ?

 

 
พิชัย อรุณพัลลภ
Department of Quality Management
…where endless devotion is our commitment…