TQM-episode -15 |
![]() |
|
![]() |
Chief Executive Officer Managing Policy |
หลังจากผ่านไป 10 งานแรกไปแล้ว CEO ก็ต้องทำงานที่ 11 ในการผลักดันนโยบายซึ่งประกอบด้วย : |
2.11-การสร้างความเข้มแข็งด้านการแข่งขันในระดับสากล |
![]() |
1.ด้วยแนวคิดการค้าเสรีที่ไร้พรมแดนที่กำลังขยายวงไปทั่วโลกอยู่นี้ ทั้งประเทศอุตสาหกรรมและประเทศที่กำลังพัฒนาต่างก็ผลิตสินค้าหรือบริการเหมือนกันหรือคล้ายกันที่ต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเดียวกัน สิ่งที่ลูกค้าใช้ในการตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อจากใครแน่นอนว่าจะต้องดูที่-คุณภาพ-เวลาในการส่ง-และราคา |
2.การเพิ่ม “ความสามารถในการแข่งขัน” มีวิธีการดังนี้ : |
a.-ประเมิน “ความสามารถในการแข่งขัน” ของเราให้ครอบคลุมด้านต่างๆดังนี้ :คุณภาพของสินค้าและบริการ ,ระบบในการผลิต , ระบบในการควบคุม , สมรรถนะของเครื่องจักรและอุปกรณ์ , การพัฒนาบุคลากร , การจัดการและควบคุมข้อมูล , การเงิน , เทคโนโลยี , และการพัฒนาสินค้า |
b.-กำหนด “ความสามารถในการแข่งขัน” ด้านที่เราต้องการสร้างเสริมให้แข่งขันได้ในระดับสากล |
c.-เขียนเป้าหมายที่ชัดเจนและ Action Plan โดยที่มีรายละเอียดครบในทุกรายการที่จะทำให้แผนสำเร็จเช่น งบประมาณในการลงทุน เทคโนโลยีที่จะใช้ บุคลากรที่ต้องมี | ![]() |
d.-ทำความเข้าใจถึงข้อกำหนดปลีกย่อยทุกด้านที่จะทำให้สินค้าของเราได้มาตรฐานตามที่ประเทศที่เราจะส่งสินค้าไปขายเช่น ความปลอดภัย การใช้แรงงานเด็ก แหล่งที่มาของวัตถุดิบ เป็นต้น |
e.-สร้างระบบในการตรวจสอบลิขสิทธิ์ สินค้าที่อาจจะมีสิทธิบัตรที่ห้ามลอกเลียนแบบ ไม่ว่าในระดับสากลหรือในประเทศเป้าหมายที่เราจะส่งสินค้าไปขาย |
ปี 2015(หรืออีกแค่ 3 ปี) “เขตการค้าเสรีอาเซียน” ก็จะเริ่มใช้กับประเทศที่อยู่ในกลุ่มเอเชียที่เราอยู่แล้ว หากเราต้องการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้าน เราก็ต้องศึกษาและเตรียมตัวตามที่ UNIDO และ JSA แนะนำ ! |
อย่างไรก็ตาม …ถึงแม้เราไม่มีแผนจะออกไปแข่งในประเทศเพื่อนบ้าน เราก็ยังต้อง “พัฒนาคุณภาพ-เวลา-ต้นทุน” อยู่ดี ! เพราะ Developer ที่มาจาก Singapore หรือ Malaysia ที่มี “ความสามารถในการแข่งขัน” ที่สูงกว่าเราเพราะมี “คุณภาพ-เวลา-ต้นทุน” ดีกว่าเรา … |
อาจจะมาแย่งธุรกิจไปจากเราก็ได้ ?!? |
|
พิชัย
อรุณพัลลภ |
Department
of Quality Management |
![]() |
|